แสดงบทความที่มีป้ายกำกับ ขายอะไรดี แสดงบทความทั้งหมด
แสดงบทความที่มีป้ายกำกับ ขายอะไรดี แสดงบทความทั้งหมด

10 ขั้นตอน เพาะต้นอ่อนทานตะวันขายเพื่อเป็นอาชีพเสริม หรือจะเพาะกินเองก็ยิ่งดีต่อร่างกาย


ต้นอ่อนทานตะวันเป็นพืชที่มีคุณค่าทางโภชนาการสูงและยังสามารถนำมาประกอบอาหารได้หลากหลาย ไม่ว่าจะเป็นเมนูต้มยำทำแกง เอาเป็นว่าไม่ว่าจะทำเมนูไหน ก็อร่อยและได้ประโยชน์อย่างแน่นอน

ข้อดีของต้นอ่อนทานตะวัน นอกจากเรื่องของคุณประโยชน์ก็คือ ใช้เวลาเพาะปลูกสั้น เพียงแค่ 7 วันก็สามารถเก็บเกี่ยวนำมารับประทานหรือส่งออกจำหน่าย แถมยังเติบโตได้ง่ายในทุกสภาพอากาศในประเทศไทยอีกด้วย

ต้นอ่อนทานตะวันเป็นแหล่งโปรตีนชั้นดี ที่มีไฟเบอร์ วิตามิน และแร่ธาตุ นอกจากนี้ยังมีสารต้านอนุมูลอิสระซึ่งสามารถช่วยปกป้องโรคมะเร็ง ต้นอ่อนทานตะวันมีโปรตีนมากกว่าผักกาดเขียวถึง 2 เท่า วิตามิน A, B2, E, D, K และยังมีวิตามิน A สูงกว่าน้ำมันเมล็ดข้าวโพดและเมล็ดถั่วเหลืองกว่า 3 เท่าเลยทีเดียว เมื่อนำเมล็ดทานตะวันมาเพาะเป็นต้นอ่อนทานตะวัน คุณค่าทางอาหารจะเพิ่มมากขึ้น โดยจะมีโปรตีนสูงกว่าถั่วเหลือง มีวิตามินA สูง ช่วยบำรุงสายตา ผิวพรรณ 

และที่สำคัญ คิดว่าหลายๆคนคงจะชอบ นั่นก็คือการชะลอความแก่ (สุดยอดใช่ไหมล่ะ!)


สำหรับเพื่อนๆที่ต้องการปลูกต้นอ่อนทานตะวันไว้เพื่อรับประทานในครัวเรือน รวมไปถึงน้องๆนักศึกษาตามหอพักที่สนใจเพาะไว้รับประทาน ก็สามารถเริ่มต้นได้ไม่ยาก หรือหากต้องการนำต้นอ่อนทานตะวันไปขายเพื่อสร้างอาชีพเสริมหลังเลิกงาน ก็มีขั้นตอนเริ่มต้นง่ายๆดังนี้ 


10 ขั้นตอน เพาะต้นอ่อนทานตะวันเพื่อรับประทาน หรือ ขายเพื่อเป็นอาชีพเสริม

1. เลือกซื้อเมล็ดทานตะวัน โดยมากจะนิยมใช้เมล็ดที่มีสีดำขนาดใหญ่ หรือแบบเมล็ดลายไทย 

2. นำเมล็ดมาแช่ในน้ำประมาณ 8 ชั่วโมงหรือข้ามคืน สิ่งนี้จะช่วยให้เยื่อหุ้มเมล็ดอ่อนลงและส่งเสริมการงอก หลังจากแช่ให้สะเด็ดน้ำแล้ว ควรล้างเมล็ดอีกครั้ง

3. นำเมล็ดมาบ่ม โดยใส่ถุงกระสอบที่อากาศและน้ำสามารถผ่านไปได้ โดยทิ้งไว้อย่างน้อย 12 ชั่วโมง

4. เปิดถุงกระสอบนำเมล็ดออกมา จะเห็นได้ว่าตอนนี้เมล็ดเริ่มงอกออกมาบ้างแล้ว

5. นำดินที่ผ่านการหมัก มาเทลงใส่ถาดเพาะ โดยเทดินไว้แค่ครึ่งถาด

6. โรยเมล็ดต้นอ่อนทานตะวัน โดยโรยให้ทั่วหน้าดิน

7. โรยดินปิดทับต้นอ่อนอีกครั้ง เป็นอันเสร็จขั้นตอน

8. นำถาดต้นอ่อนทานตะวันไปวางในที่ที่มีอากาศถ่ายเท ควรมีสแลนไว้บังแสง เพื่อไม่ให้ต้นอ่อนโดนแสงมากไป

9. ช่วงเวลาในการรดน้ำ คือตอนเช้าและตอนเย็น ระวังอย่ารดน้ำให้แฉะจนเกินไป เพราะจะทำให้เกิดเชื้อรา ซึ่งจะทำให้รากเน่าได้ 

10. เช้าวันที่ 7 สามารถตัดต้นอ่อนทานตะวันมาล้างทำความสะอาดเพื่อนำมารับประทาน หรือเอาไปจำหน่ายเพื่อสร้างรายได้เสริมก็ไม่ว่ากัน


สูตรการหมักดินปรุงดิน ที่เป็นที่นิยมสามารถเพาะต้นอ่อนได้ทุกชนิด 

1.ฮอร์โมนนมสด 1 ลิตร

2.แกลบเผา 5 กิโลกรัม

3. ขุยมะพร้าว 3 กิโลกรัม

4. ปุ๋ยหมัก 2 กิโลกรัม

5. น้ำเปล่า 10 ลิตร

นำส่วนผสมทั้งหมดข้างต้นมาผสมให้เข้ากัน และนำมาแบ่งลงถาดเพาะ


แนวทางในการเพาะต้นอ่อนทานตะวันขายเพื่อสร้างรายได้

การเพาะต้นอ่อนทานตะวันขาย นั้นสามารถยึดเป็นอาชีพเสริมได้เป็นอย่างดี 

ข้อดีหลักๆก็คือ ต้นอ่อนทานตะวันเติบโตได้อย่างรวดเร็วในทุกสภาพแวดล้อมในประเทศไทย และใช้เวลาเติบโตเพียงแค่ 7 วันอีกทั้งยังไม่ต้องใช้สารเคมีในการฉีดพ่นอีกด้วย

และหลังจากครบ 7 วัน ก็สามารถเก็บเกี่ยวได้เลย โดยวิธีการเก็บเกี่ยว ผู้เพาะควรใช้ใบมีดคัดเตอร์ที่มีความคม ตัดที่โคนของต้นอ่อน หลังจากตัดเสร็จให้นำมาล้างทำความสะอาด ควรแช่น้ำชำระล้างดินประมาณ 2-3 น้ำ และนำมาผึ่งลมจนสะเด็ดน้ำออกให้หมด จากนั้นก็สามารถนำแพคใส่ถุงเพื่อนำไปส่งขายได้ 

โดยการขายจะมีอยู่ 2 รูปแบบ คือการ ขายปลีกและขายส่ง 

โดยราคาขายส่งจะอยู่ที่ประมาณกิโลกรัมละ 100 บาท ส่วนการขายปลีกนั้นจะบรรจุใส่ถุงเล็กๆ โดยมากจะขายถุงละ 20-50 บาท แล้วแต่ขนาดถุง

    ต้นอ่อนทานตะวันหากนำมาแช่ตู้เย็น จะยังคงความสด สามารถอยู่ได้ถึง 4-7 วัน เป็นวัตถุดิบทางเลือกที่ดีต่อสุขภาพและเป็นที่นิยม สำหรับต้นอ่อนทานตะวันนั้นสามารถปลูกได้ตลอดทั้งปีในสภาพแวดล้อมที่หลากหลาย ด้วยความใส่ใจเพียงเล็กน้อย คุณก็สามารถปลูกต้นอ่อนทานตะวันเพื่อรับรับประทานเองได้ หรือจะเพาะขายก็ยิ่งสร้างรายได้อย่างยั่งยืน เพียงเท่านี้การหาอาชีพเสริมก็จะไม่ใช่เรื่องยากอีกต่อไป ขอเพียงแค่เราลงมือทำ


แหล่งขายเมล็ดพันธ์ต้นอ่อนทานตะวัน ที่เป็นที่นิยมเพื่อนำมาเพาะ

1. ร้านแนะนำ ใน Lazada  

2. ร้านแนะนำ ใน Shopee  

3. ติดต่อเกษตรกรใกล้บ้านท่าน

4. ติดต่อกรมพัฒนาที่ดินในพื้นที่ของท่าน


แหล่งขายถาดเพาะเมล็ดต้นอ่อนทานตะวัน

1. ร้านแนะนำ ใน Lazada  

2. ร้านแนะนำ ใน Shopee 

3. ร้านค้าขายอุปกรณ์การเกษตร หรือ ร้านขายต้นไม้ ใกล้บ้านท่าน

--------------------------------------------------------------


แหล่งที่มาภาพประกอบ

1. ภาพโดย Natthapat Aphichayananthanakul จาก Pixabay 

2. ภาพโดย thiraphon thongaram จาก Pixabay 

ผู้เขียน นายอาชีพ

4 ข้อดี ของการเป็นตัวแทนขายสินค้า ก่อนก้าวไปสู่ผู้จำหน่ายแบบเต็มตัว

ในช่วงสี่ห้าปีที่ผ่านมา กระแสการมองหาอาชีพเสริมอาชีพอิสระและงานเสริมพิเศษ เริ่มเป็นที่พูดถึงกันมากขึ้น โดยเฉพาะตามร้านหนังสือ จะเห็นว่ามีหนังสือที่สอนเรื่องการลุงทุน การค้าขาย การสร้างแรงบันดาลใจ การสร้างรายได้จากที่บ้าน รวมไปถึงวิธีการเริ่มต้นทำธุรกิจ


ทุกวันนี้ นักศึกษาที่จบใหม่และคนวัยทำงาน เริ่มมีมุมมองที่เปลี่ยนไปในเรื่องการประกอบอาชีพ
หนุ่มสาวออฟฟิศบางคน"ยอมลาออกจากงานประจำเพื่อมาทำธุรกิจส่วนตัวก็มีไม่น้อยเลยทีเดียว"

แฟรนไชส์สินค้าเบ็ดเตล็ดจากประเทศญี่ปุ่น (เจาะกลุ่มลูกค้าใช้ของคุณภาพและน่ารัก)

แฟรนไชส์มาแรง
อยากลงทุนธุรกิจแฟรนไชส์แต่ไม่รู้ว่าจะเลือกแฟรนไชส์อะไรดี วันนี้แอดมินจะมารีวิวแฟรนไชส์ iRoiRo ให้เพื่อนๆได้มองไว้เป็นตัวเลือก สำหรับสินค้าหลักๆของ iRoiRo ก็จะเป็นพวกเครื่องใช้ไม้สอยต่างๆที่แลดูน่ารัก และแน่นอนฐานการผลิตก็ต้องจากประเทศญี่ปุ่น ส่วนเรื่องคุณภาพนั้นก็ระดับเกรดพรีเมื่ยมเลยทีเดียว ตัวสินค้าแต่ละชิ้นนั้นจะมีการออกแบบและดีไซด์ที่เป็นเอกลักษณ์น่ารักน่าใช้ สามารถนำมาประดับห้องและส่วนต่างๆของบ้านได้ ราคาเริ่มต้นของสินค้าก็เพียง 60 บาท

สูตรทำผัดซีอิ้วแบบง่ายๆใน 5นาที ทำกินอร่อย ทำขายรวย

สูตรทำผัดซีอิ๊วง่ายๆ
สูตรอาหารทำเงิน วันนี้นายอาชีพจะพาเข้าครัวทำผัดซีอิ้วหมูแบบง่ายๆ ที่ใครๆก็ทำได้ใน 5 นาที รับรองว่าทำกินเองอร่อย ทำขายก็รวยครับ  เอาล่ะ! ไปห้องครัวของเรา แล้วตรวจดูวัตถุดิบกันเลยครับ ว่าเราต้องใช้อะไรบ้าง

ขายอะไรดี? ที่ถนนคนเดิน แนวทางอาชีพเสริมของคนรักอาชีพอิสระ

photo by: plttaya sroilong
แรงบันดาลใจ ในการมองหาอาชีพเสริม

อากาศเย็นสบายแบบนี้แถมใกล้จะหยุดยาวอีกด้วย เพื่อนๆคงจะวางแผนทำกิจกรรมในยามว่างกันแล้วใช่ไหม

ส่วนนายอาชีพนั้นคงไม่ได้ไปไหนไกล นอกจากไปเดินห้างแล้ว มีอีกที่ที่คนเดินถนนอย่างนายอาชีพชอบไปสถิตย์ก็คือ การไปหาของกินอร่อยตามตลาดนัดเปิดท้ายขายของหรือตามแหล่งช็อปปิ้งถนนคนเดิน

สาเหตุที่นายอาชีพชอบไปช็อปปิ้งและหาของกินอร่อยๆที่ถนนคนเดิน คงเป็นเพราะบรรยากาศที่ดูเรียบง่ายของผู้คน สินค้าที่วางขายก็มีหลากหลายชนิดทั้งเก่าและใหม่ อีกทั้งของกินของใช้ก็มีมากมาย ให้สาธยายตอนนี้ก็คงจะไม่หมด 5

แต่อีกหนึ่งเหตุผลที่นายอาชีพชอบไปเดินเล่นโซนถนนคนเดินก็คือ ทุกครั้งที่ไปเดิน นายอาชีพจะได้ไอเดียดีๆและแรงบันดาลใจในการทำธุรกิจทุกครั้งครับ

"สำหรับเพื่อนๆที่กำลังมองหาอาชีพเสริม อาชีพอิสระเพื่อสร้างรายได้ และอยากจะทดลองไปขายของในถนนคนเดินและตลาดนัดเปิดท้าย แต่ติดที่ยังไม่รู้เลยว่าจะขายอะไรดี ตีโจทย์ข้อนี้ไม่เคยแตกสักที"

ไอเดียและแนวคิด อย่างแรกนายอาชีพขอแนะนำให้เพื่อนๆไปเดินตลาดนัดเปิดท้ายขายของหรือถนนคนเดินในสถานที่ต่างๆครับ เพราะเมื่อท่านไปแล้ว อย่างน้อยท่านจะได้แรงบันดาลใจและปลุกไฟในการทำอาชีพเสริมครับ ถนนคนเดินและตลาดนัดเปิดท้ายสำหรับนายอาชีพแล้วถือว่าเป็นแหล่งเรียนรู้ชั้นดีเลยทีเดียว เพราะจะทำให้ผู้ที่ต้องการเริ่มต้นทำธุรกิจได้มองเห็นภาพรวมและวงจรของสินค้าในขณะนั้น  รวมไปถึงหมวดหมู่สินค้าประเภทใดเป็นที่ต้องการของตลาด และในที่สุดก็จะทำให้เราได้รู้ว่าอยากจะขายสินค้าประเภทใด หรือนำสินค้าประเภทใดเข้ามาขาย

"จะว่าไปแล้วสินค้าที่เราเห็นๆและขายดิบขายดีก็มีอยู่หลายชนิดนะ"
ยกตัวอย่างสินค้าที่เป็นที่นิยมในถนนคนเดินและตลาดนัดเปิดท้ายขายของ อาทิเช่น สินค้าแฟชั่น เสื้อผ้า กระเป๋า รองเท้า ที่เป็นมือหนึ่งส่งตรงจากโรงงานและสินค้ามือสองแบรน์เนม อุปกรณ์มือถือ เครื่องไม้เครื่องมือ เครื่องใช้ไฟฟ้า เครื่องใช้ไม้สอยทั่วไป เครื่องดื่ม ของกินทั้งคาวและหวาน รวมไปถึงสัตว์เลี้ยงต่างๆ

ข้อดีของการเปิดท้ายขายของในตลาดนัดและถนนคนเดิน
ค่าเช่าถูกจึงไม่จำเป็นต้องขายแพง ข้อดีตรงนี้จะทำให้ผู้คนแวะเวียนมายังร้านค้าของเราไม่ขาดสาย
กลุ่มเป้าหมายที่มาเดินถนนคนเดิน จะมีทุกเพศทุกวัย ทุกระดับชั้น ทุกเชื้อชาติ ถ้าเรามีสินค้าที่ตรงกับกลุ่มเป้าหมายที่เลือกไว้ ก็ยิ่งมีโอกาสขายของได้เยอะ

โอกาสทางธุรกิจ จะว่าไปแล้วอาชีพขายสินค้าตามถนนคนเดินและตลาดนัดเปิดท้ายนั้น ถือว่าเป็นอาชีพเสริมและเป็นอาชีพอิสระที่น่าสนใจเป็นอย่างมาก ข้อดีคือทำหลังเลิกงานได้โดยไม่กระทบงานประจำ บางคนอาจจะทำเป็นงานพาร์ทไทม์ แต่หลายๆคนก็ทำเป็นอาชีพหลักเลยก็มีเยอะ ถามว่าธุรกิจขายของตามตลาดนัดทำเงินได้จริงหรือ ขอตอบว่าทำเงินได้มากทีเดียวเลยแหละถ้าจับทางถูก ยิ่งทุกวันนี้ตลาดนัดเปิดท้ายขายของและถนนคนเดินนั้นมีในทุกจังหวัดกันแล้วด้วย และยิ่งจังหวัดใหญ่ๆ ตลาดนัดเปิดท้ายขายของและถนนคนเดิน ก็ยังมีหลายแห่งอีกด้วย อีกทั้งนิสัยคนไทยโดยส่วนใหญ่ชอบจับจ่ายใช้สอยกันอยู่เป็นประจำ นี่จึงเป็นโอกาสให้กับผู้ที่มองเห็นช่องทางทำเงินและสร้างรายได้ ได้เข้ามาเริ่มต้นทำธุรกิจส่วนตัวเริ่มเรียนรู้ที่จะเป็นนายตัวเอง ที่สำคัญได้ทดสอบและทดลองด้วยตัวเองว่าจะลงทุนอะไรดี 


ผู้เขียน: นายอาชีพ

ธุรกิจร้านอาหาร จานด่วน ข้าวแกง อาหารตามสั่ง ขายง่าย กำไรดี จริงหรือ?

ธุรกิจอาหารจานเดียว อาชีพทำเงินรายได้ดี
การใช้ชีวิตของคนไทยทุกวันนี้ถือว่าเปลี่ยนไปจากเมื่อก่อนมาก เพราะทุกอย่างดูจะเร่งรีบไปซะหมด แต่ถึงแม้เวลาจะมีน้อยแค่ไหน กองทัพก็ต้องเดินด้วยท้อง การรับประทานอาหารจึงเป็นสิ่งที่จำเป็นและขาดไม่ได้เลย ธุรกิจร้านอาหารจานด่วนจึงเกิดขึ้นในทุกมุมเมือง รวมไปถึงร้านอาหารประเภทข้าวแกงและอาหารตามสั่งที่อยู่คู่สังคมไทยมาช้านาน สาเหตุที่คนส่วนใหญ่ไม่ว่าจะเป็นวัยหนุ่มสาวและคนทำงาน นิยมรับประทานอาหารไทยประเภทข้าวแกงและอาหารตามสั่งนั้น ก็คงเป็นเพราะว่า มีเมนูอาหารที่หลากหลายให้เลือกมากมาย อีกทั้งเป็นอาหารจานเดียวที่หารับประทานได้ง่าย สะดวกรวดเร็ว แถมอร่อยและไม่แพง นี่จึงเป็นสาเหตุที่ทำให้คนที่มีฝีมือในการทำอาหารหลายๆคน คิดฝันอยากจะลงทุนเปิดร้านอาหารไทยประเภทข้าวแกงและอาหารตามสั่งเพื่อสร้างเป็นอาชีพเสริมและสร้างรายได้ให้กับตนเอง

เทคนิคการเปิดร้านอาหารให้อยู่รอดและไม่ขาดทุน
เป็นที่รู้กันดีว่าร้านอาหารประเภทข้าวแกงมีอยู่ทั่วทุกมุม มือใหม่ที่ต้องการจะเปิดร้านอาหารจึงต้องมีการวางแผนและมีเทคนิควิธีการที่จะทำให้ร้านอยู่รอดโดยไม่ขาดทุน กลยุทธ์ก็คือต้องสร้างความแตกต่าง แยกตัวเองออกมาจากความจำเจ

การตกแต่งร้าน ร้านอาหารประเภทจานเดียวโดยมากจะไม่จำเป็นต้องลงทุนอะไรมาก แต่เบื้องต้นควรจะตกแต่งร้านให้ดูสะอาดทำให้มีสไตล์แบบเรียบง่าย และการจัดแสงไฟในร้านและในตู้กระจก จะทำให้อาหารดูน่ารับประทานมากยิ่งขึ้น

ความสะอาด เป็นสิ่งที่ขาดไม่ได้เลยเด็ดขาด อุปกรณ์ จาน ชาม แก้วน้ำ หม้อ ถาด ต้องคอยดูแลให้ดี โต๊ะ เก้าอี้ ต้องดูสะอาดตา เพราะถ้ามีเศษอาหารลงเหลือ จะเป็นบ่อเกิดให้มีแมลงวัน แมลงสาป และหนูมารบกวน และที่ร้ายไปกว่านั้นจะทำให้ลูกค้ารับประทานอาหารไม่ลง และจะไม่กลับมายังร้านของท่าน แถมบอกต่อและแชร์ไปให้คนอื่นรู้อีกด้วย

การบริการและการดูแลลูกค้า ร้านอาหารประเภทข้าวแกงโดยส่วนใหญ่ มีข้อดีคือไม่ต้องดูแลลูกค้าอะไรมาก บางร้านก็ให้ลูกค้าบริการตัวเอง แต่สิ่งที่ร้านอาหารทุกร้านจะขาดไม่ได้เลยเด็ดขาดก็คือ การยิ้มแย้มแจ่มใส่ การทักทายพูดคุยเพื่อให้เกิดความเป็นกันเอง เพื่อสร้างฐานลูกค้าเก่าและใหม่ และจงจำไว้ต่อให้ยุ่งขนาดไหน อย่าหงุดหงิดใส่ลูกค้าเป็นอันขาด

เมนูอาหาร เมนูอาหารที่หลากหลาย จะเป็นจุดที่ดึงดูดกลุ่มลูกค้าหลายประเภทให้เข้ามาในร้านของเรา การออกแบบเมนูอาหารหลายรูปแบบ เช่น อาหารเผ็ด อาหารไม่เผ็ด อาหารเพื่อสุขภาพ อาหารเจ อาหารลดน้ำหนัก ย่อมเป็นทางเลือกและเพิ่มกลุ่มลูกค้าใหม่ๆให้กับร้านอาหารของเราให้มากขึ้นอีกด้วย

รสชาติและราคา อันนี้สำคัญมาก อย่าลืมว่าลูกค้าที่จ่ายเงินให้ค่าอาหาร ลูกค้ามักจะคาดหวังรสชาติอาหารที่อร่อย  ลูกค้าพร้อมจะเปลี่ยนร้านได้ตลอดเวลาถ้าเจอการการเอารัดเอาเปรียบด้านราคาและรสชาติอาหารที่ไม่ได้เรื่อง

คุณภาพ วัตถุดิบที่สดใหม่มีคุณภาพ บ่งบอกถึงความใส่ใจของเจ้าของร้าน และการอุ่นอาหารให้ร้อนตลอดเวลา จะทำให้อาหารอร่อยมากขึ้นด้วย

ทำเลที่ตั้งร้าน ถือเป็นหัวใจทางด้านการลงทุน เป็นที่รู้ๆกันว่าการได้ทำเลที่ดีย่อมมีชัยไปกว่าครึ่ง ดังนั้นผู้ที่จะลงทุน จะต้องพยายามหาแหล่งชุมชนให้ได้ เช่น โรงเรียน ย่านธุรกิจบริษัท หมู่บ้าน ตลาด


ความเสี่ยงและปัญหาอุปสรรคที่มือใหม่ควรรู้ก่อนลงทุน
งานด้านร้านอาหารต้องขอบอกก่อนว่าไม่ใช่งานที่สบายนัก เพราะเป็นงานที่จุกจิก ยิ่งมีเมนูอาหารมากก็ยิ่งมีรายละเอียดปลีกย่อยเยอะขึ้นแต่อย่าลืมว่ารายได้ก็จะเพิ่มมากขึ้น ดังนั้นการที่จะทำธุรกิจประเภทอาหาร ผู้ลงทุนจะต้องมีใจรักด้วย และจะต้องใช้หลักการบริการจัดการแทบทุกอย่าง ไม่ว่าจะเป็นการคำนวณเวลาในการจับจ่ายวัตถุดิบ ต้นทุนการผลิต การปรุงอาหารให้อร่อย การเปิดร้านปิดร้าน รวมไปถึงปัญหาเรื่องลูกจ้าง และอื่นๆ

สำหรับมือใหม่ที่อยากจะลงทุนทำร้านอาหารประเภทอาหารจานเดียวหรือร้านข้าวแกงเพื่อเป็นอาชีพเสริม ผู้เขียนขอแนะนำว่าเบื้องต้น ผู้ลงทุนจะต้องมีใจรักและมีความรู้ทางด้านการทำอาหารอยู่พอสมควร แหล่งเรียนรู้และศูนย์ฝึกอาชีพที่เปิดหลักสูตรสอนการทำอาหาร ทุกวันนี้ก็มีเปิดสอนอยู่หลายๆแห่ง มือใหม่ที่ต้องการสร้างอาชีพเสริมจึงไม่ต้องกังวลอีกต่อไป และเมื่อถึงวันที่ท่านพร้อมในทุกๆด้านแล้ว นายอาชีพเชื่อว่าปัญหาและอุปสรรคต่างๆคงเป็นเรื่องที่ง่ายและสามารถก้าวข้ามผ่านไปได้ อย่าลืมว่าธุรกิจร้านอาหารยังคงเป็นธุรกิจที่ทำเงินและสร้างรายได้ให้กับผู้ประกอบการเป็นอย่างมาก เพราะธุรกิจร้านอาหารเป็นธุรกิจที่เกี่ยวข้องกับปากท้องของผู้คน  ส่วนการที่จะทำให้ธุรกิจอยู่รอดและไม่ขาดทุนนั้นก็ขึ้นอยู่กับผู้ลงทุนจะสามารถสร้างความแตกต่างและดึงคนเข้าร้านได้มาแค่ไหนนั่นเอง

นักเขียน: นายอาชีพ

3 วิธีหาสินค้ามาขายทางอินเตอร์เน็ต เพื่อสร้างรายได้เสริมหลังเลิกงาน

คนรุ่นใหม่ทุกวันนี้ เริ่มหันมาให้ความสนใจกับการสร้างธุรกิจส่วนตัวกันมากขึ้น สังเกตได้จากร้านค้าออนไลน์ที่มีการแข่งขันกันอย่างดุเดือด อาจเป็นเพราะพฤติกรรมการบริโภคของผู้ซื้อเริ่มหันมาซื้อของผ่านอินเตอร์เน็ตกันมากขึ้น จึงทำให้นักขายรุ่นใหม่หลายๆคนหันมาหารายได้เสริมจากการขายของออนไลน์นั่นเอง 

นายอาชีพเชื่อว่ามีพนักงานบริษัทหลายๆคนเช่นกัน ที่มีอาชีพเสริมในช่วงเวลาหลังเลิกงาน และอาชีพเสริมที่ทำก็ยังสร้างรายได้มากกว่างานประจำอีกด้วยซ้ำไป แต่การที่จะหาอาชีพเสริมที่น่าสนใจและลงทุนน้อยด้นั้น ก็ไม่ใช่เรื่องง่ายซะเลยทีเดียว วันนี้นายอาชีพจึงจะมาแนะนำแนวทางการหาสินค้ามาขายทางอินเตอร์เน็ตรวมถึงช่องทางการตลาดมาให้เพื่อนๆได้นำไปใช้เพื่อเป็นแนวทางในการวางแผนทำธุรกิจส่วนตัว


แนะนำ 3 แนวทางในการหาสินค้ามาขายทางอินเตอร์เน็ต

สินค้าตามกระแส
สำหรับมือใหม่ที่อยากมีรายได้เสริมแต่ไม่รู้จะขายอะไรดี นายอาชีพอยากบอกว่าสินค้ามีอยู่มากมายหลากหลายชนิด แต่เราก็ต้องดูช่วงเวลาและความต้องการของผู้ซื้อด้วยว่าช่วงนั้นอะไรกำลังฮิต ยกตัวอย่างเช่น ไอโฟนรุ่นใหม่ออกวางจำหน่าย สิ่งที่จะขาย ก็อาจจะเป็นพวกอุปกรณ์เสริม เช่น เคสกันกระแทกของไอโฟน เราอาจจะนำเข้าสินค้ามาเองและทำตลาดเอง แต่สิ่งสำคัญก็คือ สินค้าของเราควรมีความแตกต่างมีความเป็นเอกลักษณ์ไม่ซ้ำใคร เราอาจจะเอาสินค้ามาปรับแต่ง D.I.Y ลวดลายต่างๆเพื่อเพิ่มมูลค่า หลังจากนั้นก็ทำตลาดเปิดร้านขายทางอินเตอร์เน็ตหรือวางขายหน้าร้านของเราก็ได้

สินค้าตามช่วงฤดูกาล
สินค้าที่สร้างรายได้ให้กับผู้ขายอีกชนิดคือ สินค้าที่นำมาขายอย่างถูกที่ถูกเวลา ยกตัวอย่าง ช่วงฤดูหนาว นายอาชีพมักจะเห็นหลายๆคนตื่นเต้น ที่จะได้สัมผัสกับความหนาวเย็นของช่วงฤดูกาล ซึ่งแน่นอนสินค้าขายดีในช่วงฤดูหนาว ก็คงหนีไม่พ้น ผ้าผันคอและเสื้อกันหนาว (คงไม่มีใครนำร่มมาวางขายใช่ไหมครับ) แต่เส้นทางอาชีพสายนี้ก็ไม่ได้โรยด้วยกลีบกุหลาบเสมอไป เพราะคู่แข่งทางการค้าของเราก็เตรียมวางขายสินค้าชนิดเดียวกันกับเราเป็นแน่แท้ กลยุทธ์ของเราก็คือการสร้างความแตกต่างให้เหนือคู่แข่งให้ได้ บอกข้อดีของสินค้าของเราไป ว่าสินค้าของเรามีความฟรุ้งฟริ้งแค่ไหน บอกไปเลยว่า เนื้อผ้าแบบไหน นำเข้าจากประเทศอะไร รูปแบบ สไตล์ แฟชั่นสวยงามเพียงใด บอกเล่าด้วยภาพและคำบรรยายให้หมด จากนั้นก็ไปวัดกันอีกทีในเรื่องของช่องทางการตลาด

สินค้าฟุ่มเฟือยที่จำเป็น
นอกจากปัจจัย 4 ว่าด้วย อาหาร ที่อยู่อาศัย เครื่องนุ่งห่ม ยารักษาโรค ทุกวันนี้การใช้ชีวิตของมนุษย์มีความซับซ้อนมากกว่านั้น นักธุรกิจที่ประสบความสำเร็จและร่ำรวยโดยส่วนใหญ่ ก็คือนักธุรกิจที่เข้าใจธรรมชาติของมนุษย์นั่นเอง คนส่วนใหญ่มักอยากจะดูดี อยากสวย อยากหล่อ อยากได้รับการยอมรับ ดังนั้นสินค้าที่จะนำมาขายให้กับกลุ่มลูกค้าเหล่านี้ จึงจะต้องตอบสนองและทำให้ผู้บริโภครู้สึกได้ถึงความแตกต่างจากเดิมที่เป็นอยู่ให้ได้ สินค้าชนิดนี้ได้แก่ เครื่องสำอาง ที่ทำให้ดูดี ขาวขึ้น ลดริ้วรอย หรือแม้แต่ เสื้อผ้า กระเป๋า รองเท้า นาฬิกา แว่นตา เครื่องประดับ โทรศัพท์มือถือ คอมพิวเตอร์ แท็ปเลต ข้าวของเครื่องใช้ต่างๆ ที่บ่งบอกถึงรสนิยมของผู้ใช้ ดังนั้นเราจะต้องหาสินค้าที่มีคุณภาพ ที่สำคัญสินค้าจะต้องโดดเด่นเหนือคู่แข่งของเราอีกด้วย

แนวทางและช่องทางในการสร้างรายได้จากการขายสินค้าออนไลน์
แนวทางการหาสินค้ามาขายเพื่อเป็นอาชีพเสริม จริงๆแล้วมีอีกหลายวิธี แต่ทั้ง 3 แนวทางที่ได้แนะนำมาข้างต้น ก็เป็นพื้นฐานที่สำคัญที่ไม่ควรมองข้ามและละเลย ส่วนแหล่งสินค้าที่จะรับมาขายที่อยู่ในประเทศไทย นายอาชีพคิดว่าหลายๆท่านคงจะรู้กันดีอยู่แล้วว่าจะหาสินค้าได้จากที่ไหน
แต่สำหรับบทความนี้ จะเป็นการแนะนำ"การนำเข้าสินค้าจากต่างประเทศเข้ามาขาย"เพื่อจะได้เกิดความแตกต่างจากผู้ขายรายอื่น และการนำเข้าสินค้าจากต่างประเทศเข้ามาขาย ทุกวันนี้ก็มีหลายช่องทาง เช่นการสั่งสินค้าแบบ Pre-order (พรีออเดอร์) ที่ถือได้ว่าสะดวกที่สุด ที่สำคัญสินค้าก็มีให้เลือกอยู่เป็นหมื่นๆชนิด โดยเฉพาะการนำเข้าสินค้าจากจีนจะมีสินค้าราคาถูกให้เลือกมากเป็นพิเศษ แต่อย่างไรก็ขึ้นอยู่กับการตัดสินใจของเราเองว่าจะนำสินค้าจากประเทศอะไรเข้ามาขาย เช่น สินค้าจาก จีน ญี่ปุ่น เกาหลี สหรัฐอเมริกา และอีกหลายแห่งเลยทีเดียว ส่วนช่องทางการตลาดแนะนำให้ เปิดเว็บไซต์เป็นร้านค้าออนไลน์ รวมถึงการเปิดเพจทาง facebook และการสร้างร้านค้าออนไลน์ที่ Line shop ซึ่งตอนนี้กำลังเป็นที่นิยมของนักขายออนไลน์ทั้งหลายในขณะนี้

สาเหตุที่การขายของผ่าน internet เป็นที่นิยมในยุคนี้ก็คงเป็นเพราะว่า การขายของผ่านเน็ตเป็นอาชีพเสริมที่ลงทุนน้อย เพราะไม่ต้องลงทุนในเรื่องของอาคารและสถานที่
การขายของออนไลน์จึงเป็นงานทำที่บ้านที่สามารถทำได้หลังจากเลิกงานประจำ และเป็นงานที่สร้างรายได้เสริมที่ไม่ส่งผลกระทบต่องานหลักของเรา อาชีพทำเงินนั้นยังมีอีกมากมาย ผู้เขียนก็ขออวยพรให้เพื่อนๆที่กำลังมองหาอาชีพเสริม หรือคนที่คิดอยากจะมีธุรกิจส่วนตัว ได้สมหวังกับสิ่งที่ตั้งใจ พบกันใหม่กับนายอาชีพทาง Blog ช่องทางทำเงิน อาชีพเสริมทำเงิน สำหรับวันนี้ สวัสดีครับ

ผู้เขียน: นายอาชีพ

บทความที่เกี่ยวข้อง >> วิธีนำสินค้าจากต่างประเทศเข้ามาขาย (pre-order)

เพาะเห็ดฟางในตะกร้าขายเป็นอาชีพเสริม ทำง่ายแถมสร้างรายได้อย่างมั่นคง

การเพาะเลี้ยงเห็ดฟางในตะกร้า
"ในช่วงที่่ผ่านมานายอาชีพสังเกตุเห็นเกษตรกรในหลายๆพื้นที่ เริ่มหันมาให้ความสนใจกับการเพาะเลี้ยงเห็ดฟางขายเพื่อเป็นอาชีพเสริมกันมากขึ้น" 

แม้แต่ชาวสวนยางทางภาคใต้ก็เริ่มหันมาทำฟาร์มเพาะเลี้ยงเห็ดฟางกันบ้างแล้ว คงเป็นเพราะราคายางที่เริ่มตกต่ำ ทางแก้ก็คงต้องหาอาชีพเสริมที่ทำเงินและสามารถเพิ่มรายได้มาทดแทนในส่วนที่เสียไป "ถามว่าทำไมต้องเป็นเห็ดฟาง?" เหตุผลง่ายๆก็คือ เห็ดฟางเป็นพืชเศรษฐกิจ มีคุณค่าทางอาหารสูง คนไทยนิยมบริโภคและเป็นที่ต้องการของตลาด เห็ดฟางสามารถเพาะเลี้ยงได้ทุกฤดูกาล อีกทั้งราคาขายของเห็ดฟางก็อยู่ในเกณฑ์ที่ดีมากเลยทีเดียว (ราคาของเห็ดฟางจะดีมากในช่วงฤดูหนาวและช่วงเทศกาลกินเจ) และที่สำคัญผลผลิตสามารถเก็บไปขายได้ภายใน 7-12 วัน รวดเร็วทันใจ วงจรเก็บผลผลิตใช้เวลาสั้นมาก ถือว่าเป็นธุรกิจทำเงินที่สร้างรายได้อย่างสม่ำเสมอให้กับเกษตรกรผู้เพาะเลี้ยงเห็ดฟางเป็นอย่างมาก

การเพาะเห็ดฟางมีหลายรูปแบบ อาทิเช่น  การเพาะเห็นฟางในโรงเรือน การเพาะเห็นฟางในนาข้าว การเพาะเห็นฟางในตะกร้า การเพาะเห็นฟางแบบกองเตี้ย และอื่นๆ ทั้งนี้รูปแบบการเพาะเลี้ยงเห็ดฟางของแต่ละกลุ่มและบุคคลจะไม่เหมือนกัน ด้วยเพราะปัจจัยต่างๆ เช่น ทำเลและพื้นที่ รวมไปถึงเงินลงทุน

มาเพาะเห็นฟางในตะกร้ากันเถอะ
ในบทความนี้นายอาชีพก็จะมาแนะนำเพื่อนๆมาเพาะเห็ดฟางในตะกร้า เพราะการเพาะเห็ดฟางในตะกร้านั้น ใครๆก็ทำได้ เหมาะสำหรับมือใหม่ที่อยากจะเริ่มต้นและมีความตั้งใจที่จะทำเป็นอาชีพเสริม  การเพาะเห็ดฟางในตะกร้านั้นใช้พื้นที่น้อย และลงทุนไม่สูง วัสดุอุปกรณ์ต่างๆก็หาง่ายมีอยู่รอบตัวเรา ถ้าผิดพลาดทางเทคนิคก็ถือซะว่าเป็นการทดลอง (ซึ่งก็ต้องมีบ้าง) แต่ถ้าผลผลิตออกมาดีเกินที่คาดเอาไว้ ก็แสดงว่าเรามีแววทางด้านนี้แล้วล่ะ แนะนำให้เตรียมเงินลงทุนและต่อยอดทำเป็นฟาร์มเพาะเห็ดแบบครบวงจรได้เลยครับ 

ขั้นตอนและเทคนิควิธีการเพาะเห็นฟางในตะกร้า
ก่อนอื่นเราต้องเตรียมวัสดุอุปกรณ์ให้พร้อมก่อนนะครับ โดยเตรียมก้อนเชื้อเห็ดฟาง ตะกร้าพลาสติก ฟางข้าว  สุ่มไก่หรือโครงโรงเรือน พลาสติกและวัสดุพลางแสง ส่วนพวกอาหารเสริมก็จะมี แป้งสาลี ผักตบชวาหรือรำละเอียด
1. ทุบก้อนเชื้อเห็ดฟางในถุงให้แตกพอประมาณแต่ไม่ต้องให้ถึงกับละเอียด นำมาผสมกับแป้งสาลี 1ช้อนชา จากนั้นแบ่งก้อนเชื้อเห็ดฟางออกเป็น 2กอง กองละเท่าๆกัน (เชื้อเห็ดฟาง 1 ถุง แบ่งออกเป็น2กองสามารถเพาะเห็ดฟางได้ 2 ตะกร้า)
2. ให้ใส่ฟางข้าวที่ผ่านการแช่น้ำไว้แล้ว 1 คืน ลงไปในตะกร้า ให้ฟางข้าวมีความสูงประมาณ 2-3 นิ้ว กดให้พอแน่น
3. โรยอาหารเสริมลงไป จะเป็นผักตบชวาที่หั่นไว้หรือรำละเอียดก็ได้ โรยลงไปรอบๆบนฟางข้าว แต่อย่าใส่อาหารเสริมมากจนเกินไป เพราะจะทำให้เกิดการเน่าเสียได้
4. นำเชื้อเห็ดฟางมาโรยรอบๆทับไปบนอาหารเสริม โดยเน้นโรยที่ช่องของตะกร้า ถึงตอนนี้เราจะได้เป็น ชั้นที่ 1 เรียบร้อย (1ตะกร้าจะต้องทำ 3 ชั้น)
5. ทำชั้นที่ 2 ชั้นที่ 3 ด้วยวิธีการเดิมแบบข้างต้น จากนั้นปิดชั้นที่ 3 ด้วยฟางข้าว จากนั้นรดน้ำใส่ตะกร้าให้เปียกชุ่ม (ถึงตอนนี้เราก็จะได้ตะกร้าเพาะเห็ดฟาง 1 ตะกร้าเป็นที่เรียบร้อย)
6. นำตะกร้าเห็ดฟางไปวางไว้บนพื้นที่ที่เราเตรียมไว้ วางไว้บนเหนือพื้นดินประมาณ 3-4นิ้ว (นำก้อนอิฐมาวางรองเป็นฐานอย่าให้ติดพื้น)
7. จากนั้นก็นำโครงไม้ไผ่หรือสุ่มไก่มาครอบตะกร้า
8. นำพลาสติกมาคลุมโครงหรือสุ่มจากด้านบนถึงพื้นให้มิดชิดจากนั้นก็คุมด้วยวัสดุพลางอีกที

ขั้นตอนดูแลเห็ดฟางในตะกร้าเพาะเลี้ยง
1. รักษาอุณหภูมิในโรงเรือนให้อยู่ที่ประมาณ 30 -40 องศา
2.ในวันที่4 ช่วงตอนเย็น ให้เปิดพลาสติกที่คลุมออกเพื่อให้อากาศเข้าไปกระตุ้นเส้นใย ใช้เวลาเปิดรับอากาศประมาณ 30 นาที
3.ในวันที่ 5 เป็นต้นไป ในช่วงตอนเย็น ให้เปิดพลาสติกที่คลุมสุ่มพอประมาณ ให้อากาศถ่ายเทใช้เวลาประมาณ 15 นาที จากนั้นก็คลุมพลาสติกให้มิดชิดเหมือนเดิม
4. ในวันที่ 7 ช่วงนี้เห็ดฟางจะเจริญเติบโตขึ้น สามารถเก็บผลผลิตได้ในวันที่ 8-9
5. การเก็บเห็ดฟางควรเก็บด้วยความนุ่มนวลอย่าให้บอบช้ำ จากนั้นก็นำส่งขายที่ตลาดหรือนำไปบริโภคได้เลย

นายอาชีพลืมบอกเพื่อนๆไปว่าการเพาะเห็ด 1 ตะกร้า สามารถเก็บเห็ดฟางได้ 2 ถึง 3 รุ่น และการเพาะเห็ด 1 ตะกร้า สามารถเก็บเห็ดฟางได้ประมาณ 1 กิโลกรัม ราคาขายเห็ดฟาง 1กิโลกรัม ราคาจะอยู่ที่ประมาณ 50-100บาท (แล้วแต่ช่วงฤดูกาลและเทศกาล) 

ช่องทางทำเงินทางการตลาดในการขายเห็ดฟางนั้นมีหลายช่องทางมากครับ ขึ้นอยู่กับว่าเราจะขายในช่องทางไหน จะติดประกาศให้คนเข้ามารับซื้อในฟาร์ม จะวางขายที่หน้าฟาร์ม หรือจะส่งตลาดสดก็ได้ ยิ่งถ้ามีผลผลิตออกมามากแนะนำให้ขายส่งกับทางตลาดไทเลยครับ

สรุปเรื่องการเพาะเห็ดฟางเป็นอาชีพเสริม
ธุรกิจการทำก้อนเชื้อเห็ดฟางขาย และ การเพาะเห็ดฟางขาย ทั้งสองแนวทางนี้ถือว่าเป็นธุรกิจทำเงินที่ดีเลยทีเดียว เป็นที่รู้กันดีว่าเห็ดฟางเป็นเห็ดที่คนไทยนิยมบริโภคเป็นอย่างมากและเป็นที่ต้องการของตลาดอยู่ตลอดเวลา เห็ดฟางสามารถทำรายได้และให้ผลตอบแทนสูง ไม่ค่อยมีปัญหาเรื่องราคาตกต่ำ จึงคุ้มค่าต่อการเพาะเลี้ยง ดังนั้นการเพาะเห็ดฟางขายจึงถือว่าเป็นอาชีพเสริมที่ทำเงินเป็นอย่างยิ่ง เพื่อนๆที่สนใจทำธุรกิจฟาร์มเห็ดและไม่ว่าจะเป็นเห็ดชนิดไหนก็ตาม นายอาชีพแนะนำให้ศึกษาหาความรู้ทฤษฏีในการปฎิบัติ รวมไปถึงปัญหาอุปสรรคในการเพาะเลี้ยงเห็ดให้มากๆ นายอาชีพเชื่อว่าธุรกิจนี้ยังไปได้อีกไกลมาก ที่สำคัญธุรกิจเพาะเลี้ยงเห็ดฟางสามารถทำเงินและยึดเป็นอาชีพหลักที่มั่นคงได้อย่างแน่นอน

ผู้เขียน: นายอาชีพ

ทำเงินง่ายๆ ขายภาพถ่ายจากกล้องมือถือ ช่องทางในการสร้างรายได้เสริม ที่ใครๆก็ทำได้!

วิธีหาเงินจากแอป
สวัสดีเพื่อนๆที่น่ารักทุกท่าน พบกันอีกเช่นเคยกับนายอาชีพ บล็อกเกอร์หนุ่มสุดหล่อ ที่จะมาแนะนำช่องทางการหาอาชีพเสริมที่ทำเงินให้กับเพื่อนๆอีกเช่นเคยครับ

เนื้อหาในบทความนี้ก็จะว่าด้วยเรื่อง "วิธีการขายภาพถ่ายจากกล้องมือถือ ผ่านแอพพลิเคชั่นสุดฮิต ที่มีชื่อว่า Clashotซึ่งตอนนี้กระแสการขายภาพถ่ายจากกล้องมือถือ กำลังเป็นที่นิยมของคนไทยหลายๆคน รวมไปถึงชาวต่างชาติในอีกหลายๆประเทศกันเลยทีเดียว

ต้องขอบอกก่อนนะครับว่างานนี้ไม่จำเป็นต้องเป็นตากล้องมืออาชีพเพราะมือสมัครเล่นอย่างเราๆก็สามารถขายภาพถ่ายจากกล้องมือถือเป็นอาชีพเสริมได้ง่ายๆครับ เพื่อนๆคงจะอยากรู้กันแล้วใช่ไหมล่ะ ว่างานนี้ต้องทำอย่างไร และรายได้จะมาจากไหน "เพื่อเป็นการไม่ให้เสียเวลา เรามาดูขั้นตอนไปพร้อมๆกันเลยดีกว่าเนอะ ว่ารูปภาพที่เราถ่ายจากกล้องมือถือสามารถทำเงินและสร้างรายได้ให้กับเราได้อย่างไร

เริ่มต้นสร้างรายได้จากการขายภาพถ่ายจากกล้องมือถือ ผ่าน แอพพลิเคชั่น Clashot 
1. อย่างแรกเลย เพื่อนๆต้องมีมือถือสมาท์โฟนที่สามารถถ่ายรูปได้ ยิ่งคุณภาพของรูปภาพออกมาดีมากเท่าไหร่ โอกาสที่จะมีคนเข้ามาซื้อก็มีมากขึ้นครับ
2. โหลดแอปพลิเคชั่น ที่มีชื่อว่า Clashot (สามารถโหลดได้ทาง apps store และ play store) จากนั้นก็ทำการติดตั้งไปที่มือถือของเพื่อนๆครับ
3. กรอกข้อมูลเพื่อสมัคร หรือล็อคอินผ่านบัญชี Facebook หรือ Google+ ก็ได้ครับ
4. ขั้นตอนสุดท้าย ก็คือการ Upload ภาพถ่ายจากกล้องของเราสู่ Clashot ซึ่งทาง Closhot ก็จะเป็นตัวกลางในการซื้อขายภาพถ่าย พูดง่ายๆก็คือเป็นตัวกลางที่ทำให้ผู้ซื้อและผู้ขายมาเจอกันนั่นเอง

Clashot คืออะไร? ลักษณะเป็นอย่างไร? ใช้งานยากไหม?
Clashot ก็คือแอพพลิเคชั่นทางมือถือ ที่มีลักษณะเป็น Social network ผสมกับ microstock หลักการทำงานของ Clashot คล้ายๆกับ instagram (อินสตาร์แกรม) ซึ่งผู้ใช้งานสามารถอัพโหลดภาพถ่ายของตนเองขึ้นไปสู่โลกโซเซียล
Clashot ต่างกับ Social Network เจ้าอื่นๆตรงที่ว่า รูปภาพที่เรา upload ขึ้นไปสามารถขายให้กับผู้ที่สนใจได้ และที่สำคัญ ภาพๆเดียวสามารถขายและทำเงินให้กับเจ้าของภาพได้หลายครั้งด้วย
ส่วนวิธีการใช้งาน ผู้ที่เคยใช้งานแอพพลิเคชั่น Instagram, Facebook, Line, Google+ มาก่อน ก็ไม่น่าจะมีปัญหาในการเข้าใช้งานแต่อย่างใด เพราะ Clashot มีฟังก์ชั่นการใช้งานที่เข้าใจง่าย

กฎเหล็กของ Clashot
สำหรับผู้ที่ต้องการหารายได้เสริมจากการขายภาพถ่ายกับ Clashot สิ่งต้องห้ามก็มีดังนี้
ห้าม COPY ภาพถ่ายของคนอื่นโดยเด็ดขาด และจะต้องใช้ภาพที่ถ่ายด้วยตัวเองเท่านั้น
- ภาพที่มีการซื้อขายจะเป็นลักษณะ Editorial (เป็นภาพข่าว) ห้ามใช้ในเชิงพาณิชย์
- และ กฎอื่นๆอีกรวมไปถึงข้อยกเว้นอีกหลายข้อ ลองไปศึกษาดูกันนะครับ

ภาพแบบไหนที่ขายได้ 
จากการที่นายอาชีพได้เข้าร่วมกลุ่ม Clashot Thailand ซึ่งเป็นกลุ่มเปิดที่อยู่ในFacebook กลุ่มนี้เป็นกลุ่มที่รวมคนเล่น Clashot ในประเทศไทย ถือว่าเป็นชุมชนที่อบอุ่นมากเลยทีเดียว เพราะเป็นศูนย์รวมที่เปิดโอกาสให้สมาชิกได้เข้ามาแลกเปลี่ยนประสบการณ์และแบ่งปันเทคนิคและวิธีการต่างๆร่วมกัน จากการที่เห็นเพื่อนๆพูดคุยกันในกลุ่มเกี่ยวกับภาพที่ขายได้และผู้ซื้อนิยมซื้อกัน อย่างแรกเลยรูปภาพที่สามารถทำเงินให้กับเจ้าของภาพได้นั้น โดยส่วนใหญ่ไฟล์รูปภาพจะต้องมีคุณภาพที่ดีมีความละเอียดสูง ไฟล์รูปภาพที่มีขนาดใหญ่จะขายง่ายกว่า เพราะผู้ซื้อสามารถนำไปใช้งานได้หลายรูปแบบ เช่นนำภาพไปประกอบเว็บไซต์ นำไปทำโปสเตอร์ สื่อสิ่งพิมพ์อื่นๆอีกมากมาย ที่ไม่ใช่ในเชิงพาณิชย์

ตัวอย่างรูปที่ใช้ขายในแอป

รูปวิวทิวทัศน์ หมู หมา กา ไก่ ขายได้ไหม?
"ภาพทุกภาพที่เราถ่ายเองสามารถลงขายได้หมดครับ" ไม่ว่าจะเป็นภาพวัฒนธรรม ประเพณี วัดวาอาราม วิวทิวทัศน์ สัตว์เลี้ยง อาหาร ชิ้นส่วนอุปกรณ์ต่างๆ หรือแม้แต่ภาพของผู้คนที่เดินอยู่ตามท้องถนน สามารถขายได้หมดครับ แต่ก็มีข้อห้ามอยู่นะ เช่น ภาพลามก อนาจาร สิ่งยั่วยุที่ทำให้เกิดความขัดแย้งต่อสังคม ภาพพวกนี้ไม่ควรเอาลงขายนะครับ

ใครคือผู้ซื้อ
ผู้ซื้อภาพที่เข้ามาใน Clashot โดยส่วนใหญ่ ก็จะมีหลากหลายอาชีพครับ เช่น Blogger (แบบผู้เขียนนี่แหละ) หรือ Webmaster ที่ดูแลเว็บไซต์ และคนทำสื่อต่างๆ แผ่นพับ ใบปลิว หนังสือ และอีกมากมาย




วิธีการรับเงิน
ทาง Clashot จะขายไฟล์รูปภาพของเราให้กับผู้ซื้อในราคา 0.99 ดอลล่า (ประมาณ 30 กว่าบาทไทย) และจะแบ่งรายได้ให้กับเจ้าของไฟล์ภาพในราคา 0.44 ดอลล่า ต่อการซื้อขายหรือการดาวน์โหลดหนึ่งครั้ง  และถ้ามี expert มา like รูปภาพของเรา เราก็จะได้อีก 0.10 ดอลล่า

การเบิกถอนเงิน เราสามารถแจ้งเบิกถอนเงินกับทาง Clashot ได้ตลอดเวลา แต่เราจะต้องมียอดขายเกิน 3ดอลล่า (ไม่ยากเลยใช่ไหมครับ) ส่วนช่องทางการโอนเงิน ทาง Clashot ก็จะส่งเงินมาให้เราทางบัญชี Paypal ของเราครับ (ถ้าไม่มีบัญชี Paypal ก็เปิดซะนะครับ)

*ตัวอย่างรายได้ของสมาชิกที่ทำเงินจาก clashot 

ภาพนี้เป็นภาพรายได้ของคุณ chayathon หนึ่งในสมาชิก Clashot Thailand จะเห็นได้ว่าคุณ chayathon ณ ตอนนี้มียอดเงิน 49.42ดอลล่า ถ้าคิดเป็นเงินไทยก็ประมาณ 1,500 บาท

(ทางผู้เขียนต้องขออนุญาตนำภาพรายได้ของพี่ chayathon มาประกอบบทความนี้นะครับ เพื่อเป็นตัวอย่างและกำลังใจให้กับมือใหม่ทุกๆคนครับ)


ช่องทางทำเงินในการหารายได้เสริมจากงานออนไลน์ยังมีอีกมากมายเลยครับ นี่เป็นเพียงแค่ส่วนหนึ่งเท่านั้น เอาไว้คราวหน้านายอาชีพจะหาข้อมูลเกี่ยวกับธุรกิจที่ทำเงินมาแชร์ให้กับเพื่อนๆอีกนะครับ รับรองว่าแนวทางต่างๆที่นำมาเสนอ เพื่อนๆสามารถทำเป็นอาชีพเสริมได้อย่างแน่นอนครับ




ผู้เขียน: นายอาชีพ

"ขายพันธุ์ไม้ดอก ไม้ประดับ " อีกหนึ่งธุรกิจทำเงินที่น่าสนใจ พร้อมแนวคิดดีๆ ก่อนที่จะลงทุน

ขายพันธุ์ไม้ ธุรกิจที่น่าสนใจ
ช่องทางทำเงินวันนี้นายอาชีพจะมาแนะนำอีกหนึ่งธุรกิจทำเงินที่น่าสนใจ เหมาะสำหรับเพื่อนๆที่รักธรรมชาติและการเกษตรเป็นอย่างยิ่ง นายอาชีพหวังว่าบทความนี้อาจจะเป็นประโยชน์กับเพื่อนๆที่กำลังมองหาอาชีพเสริม อาชีพอิสระกันอยู่นะครับ

"เพื่อนๆเคยสังเกตุกันบ้างไหม" เวลาเราเดินทางผ่านไปในเส้นทางต่างๆ บางครั้งเราจะพบเห็นรถยนต์จอดอยู่ริมถนนสองข้างทางโดยเฉพาะหน้าร้านขายต้นไม้ ดอกไม้และของตกแต่งสวน  นายอาชีพจึงอดคิดไม่ได้ว่าทุกวันนี้ ผู้คนเริ่มหันมาให้ความสนใจกับการตกแต่งสวนหย่อมและพยายามขยายพื้นที่สีเขียวกันมากขึ้นหรือเปล่า ไม่ว่าจะเป็นการตกแต่งสวนด้วยไม้ดอกไม้ประดับ พืชผักสวนครัว พืชมงคล ไม้ใหญ่หรือไม้ยืนต้น ซึ่งสิ่งเหล่านี้กำลังเป็นกระแสนิยมในสังคมเมืองกันอย่างมากเลยทีเดียว

จากการสังเกตุ แม้แต่ที่พักอาศัยที่มีพื้นที่ใช้สอยจำกัดอย่างคอนโดและอพาร์ทเม้นท์ ก็เริ่มมีการตกแต่งสวนหย่อมแบบน่ารักๆไว้ชื่นชมกัน ยิ่งถ้ามีบริเวณหรือพื้นที่เยอะหน่อย ก็คงได้เพลิดเพลินกับการตกแต่งจนลืมเวลากันไปเลยทีเดียว

สิ่งที่กล่าวมาทั้งหมด จึงไม่ใช่เรื่องแปลกเลยที่จะมี ธุรกิจขายต้นไม้ ดอกไม้ และพันธุ์ไม้ต่างๆเกิดขึ้นมาเพื่อสนองความต้องการให้กับคนที่รักธรรมชาติและรักการเกษตรอย่างเป็นชีวิตจิตใจ


"มาเข้าเรื่องการทำธุรกิจ" สำหรับเพื่อนๆที่กำลังคิดอยากจะเริ่มต้นทำธุรกิจลงทุนเปิดร้านขายต้นไม้ แต่ไม่รู้จะเริ่มต้นแบบไหน? เริ่มต้นยังไง?  "อย่างแรกเลย นายอาชีพขอแนะนำ" ก่อนอื่นท่านต้องมีใจรักและความสนใจในงานชนิดนี้อยู่พอสมควร ต่อมาก็คือความพร้อมที่จะลงมือทำและควรเริ่มศึกษาหาข้อมูลของธุรกิจที่จะทำอย่างจริงจัง ที่สำคัญอย่าลืมสำรวจตลาดด้วยว่าแต่ละช่วงเวลาผู้คนต้องการสินค้าชนิดใด ประเภทใด  "ถึงตอนนี้" นายอาชีพก็มีแนวทางเล็กๆน้อยๆเกี่ยวกับการเตรียมตัวก่อนลงทุนมาให้เพื่อนๆที่สนใจในธุรกิจนี้ได้เก็บไว้เป็นข้อมูลอีกเช่นเคยครับ

แนวทาง สำหรับมือใหม่ กับการเริ่มต้นเปิดร้านขายต้นไม้เป็นอาชีพเสริม สู่อาชีพที่ทำเงิน
ขั้นตอนในการเตรียมตัวก่อนลงทุน อย่างแรกเลยนะครับ ต้องถามตัวเองก่อนว่า เราจะเปิดร้านขายต้นไม้แบบไหน จะผลิตแล้วขายเอง หรือ รับมาจากผู้ผลิตแล้วนำมาขายต่ออีกทอดนึง แต่เหนือสิ่งอื่นใดในการเริ่มต้นทำธุรกิจ ผู้ลงทุนทุกคนจำเป็นต้องศึกษาหาข้อมูล พันธุ์ไม้ต่างๆ รวมถึงประโยชน์ของพันธุ์ไม้ต่างๆ และควรศึกษาวิธีการ ปักชำ ตอนกิ่งไว้บ้าง เพราะความรู้ที่ศึกษาสามารถนำมาต่อยอดธุรกิจให้ก้าวไปข้างหน้าได้อย่างมั่นคงไงครับ

เริ่มต้นจากสิ่งเล็กๆก่อน เริ่มจากหาพันธุ์ไม้ กล้าไม้ ไม้ดอกไม้ประดับ พืชผักสวนครัว แล้วค่อยขยายพันธุ์ไปเรื่อยๆ เพื่อนๆเคยได้ยินวลีนี้ไหมครับ "กรุงโรมไม่ได้สร้างเสร็จภายในวันเดียว" วลีนี้นำมาปรับใช้กับธุรกิจของเราได้ครับ นายอาชีพเแนะนำให้เริ่มต้นจากความพอดีและพอเพียงค่อยๆเป็นค่อยๆไปเปรียบเสมือนเหมือนการเริ่มต้นจากเมล็ดพันธุ์เพียงไม่กี่เมล็ดจากนั้นก็ค่อยๆแตกหน่อและเติบโตเป็นต้นไม้ใหญ่และแข็งแรงในที่สุด

ถึงวันหนึ่ง ถ้าร้านของเราเริ่มเติบโตและมีลูกค้าเยอะขึ้น ถึงตอนนั้นเราก็ค่อยๆขยายธุรกิจโดยเริ่มทำให้ครบวงจรก็ไม่สายเกินไปครับ โดยเราอาจจะเพิ่มช่องทางรายได้ต่างๆ เช่น ขายเมล็ดพันธุ์ อุปกรณ์ตกแต่งสวน หรืออุปกรณ์ทางการเกษตร หรือจะรับจัดและตกแต่งสวนควบคู่ไปด้วยก็ยิ่งดีใหญ่ เพราะจะทำให้ร้านขายต้นไม้ของเราดูเป็นมืออาชีพมากขึ้น หรือจะเปิดร้านขายกาแฟสดควบคู่ไปด้วยก็ไม่ว่ากัน เป็นการสร้างบรรยากาศให้พื้นที่ดูมีสีสันมากขึ้นอีกด้วย

อีกหนึ่งช่องทางการทำเงินจากธุรกิจขายต้นไม้ ก็คือการบริการให้เช่าต้นไม้ โดยให้เช่าทั้งไม้ดอกไม้ประดับ ถือว่าเป็นอีกทางเลือกในการเพิ่มรายได้ให้กับทางร้านของเรา เพราะลูกค้าบางคน บางกลุ่ม หรือบางหน่วยงาน มักจะมีการจัดงาน จัดอีเว้นท์ หรือจัดงานพิธีที่ต้องใช้ไม้ประดับเป็นจำนวนมาก ดังนั้นการให้เช่าต้นไม้จึงเป็นรายได้เสริมที่ทำเงินให้กับร้านขายต้นไม้ได้เป็นอย่างดีเลยทีเดียว

สิ่งที่ต้องเตรียมพร้อมสำหรับการเปิดร้านขายต้นไม้ ทั้งร้านขายปลีกและขายส่ง

ร้านขายส่ง(ผู้ผลิต) คุณต้องมีความรู้ มีเงินทุน มีพื้นที่ มีเรือนเพาะชำ มีดินร่วนปนเหนียว มีแกลบ ปุุ๋ยและสารอาหารต่างๆของดิน มีถุงดำ มีเมล็ดมาเพาะ มีพันธุ์ไม้/กล้าไม้ มีการดูแลรักษา มีรถในการจัดส่งสินค้า เช่นรถบรรทุก และการหาตลาดโดยการนำรายการสินค้าที่เรามีไปเสนอขายร้านขายต้นไม้(ขายปลีก)หลายๆแห่ง หรือถ้าอยู่ในทำเลที่ดี ก็ทำหน้าร้านไปด้วยเลย

ร้านค้าปลีก คุณต้องมีความรู้ มีเงินทุน มีทำเลที่ดี มีหน้าร้าน มีพื้นที่วางและจัดสินค้า(ต้นไม้) มีการดูแลรักษาสินค้า มีรถขนส่งสินค้าให้ลูกค้า(กรณีที่ร้านใหญ่) และสุดท้ายการบริหารการจัดการที่ดี คน เงิน งาน และวัสดุอุปกรณ์

ช่องทางทำเงินกับธุรกิจบนเส้นทางสายเกษตรที่นายอาชีพนำมาเสนอให้เพื่อนๆได้อ่านนี้ ก็เป็นเพียงแนวคิดเล็กๆเพื่อที่จะให้ผู้อ่านได้เห็นภาพก่อนการลงทุน ผู้ลงทุนควรศึกษาหาความรู้เพิ่มเติมให้มากที่สุด ที่สำคัญการทำสิ่งใดด้วยใจรักและมีความสุขกับงานที่ทำ ในที่สุดผลลัพธ์ก็จะออกมาดี สุดท้ายนายอาชีพเชื่อว่าธุรกิจของเราก็จะประสบความสำเร็จ เงินทองก็จะไหลมาเทมาอย่างแน่นอนครับ ^^

ข้อคิดธุรกิจ
- สำรวจความต้องการของตลาด ว่าผู้คนต้องการอะไร และอะไรเป็นที่นิยมในแต่ละช่วงเวลา
- มีทำเลในการขายที่ดีมีชัยไปกว่าครึ่ง

เขียนโดย: นายอาชีพ

วิธีการขาย ข้าวเหนียวหมูปิ้ง เป็นอาชีพเสริม รวมเคล็ดลับการทำกำไรและเรียกลูกค้า

การดำเนินชีวิตของคนไทยในยุคนี้ ไม่ว่าอะไรก็ดูเร่งรีบไปเสียหมด โดยเฉพาะเรื่องของการรับประทานอาหารเช้าก็ต้องเร่งรีบเช่นกัน ยิ่งกับคนทำงานที่ต้องแข่งกับเวลาละก็ไม่ต้องพูดถึง อาหารเช้าของคนทำงานจึงจำเป็นต้อง สะดวก รวดเร็ว และอิ่มท้อง "แล้วอะไรล่ะ?"  ที่ง่าย สะอาด สะดวก รวดเร็ว และอิ่มท้อง คำตอบก็คือ"ข้าวเหนียวหมูปิ้ง" 

ช่องทางทำเงินในวันนี้นายอาชีพจึงหยิบยกธุรกิจทำเงินอีกหนึ่งอาชีพที่ทำเงินว่าด้วยเรื่องการขายข้าวเหนียวหมูปิ้งมาวิเคราะห์ สาเหตุที่การขายหมูปิ้งยังเป็นอาชีพเสริมที่ทำเงินให้กับผู้ขายอยู่ ก็มีไม่กี่เหตุผลครับ อย่างที่กล่าวไว้ วัฒนธรรมการกินดื่มของคนไทยโดยปกตินั่นกินง่ายอยู่ง่าย สำหรับคนที่ไม่ค่อยมีเวลาและมีชีวิตที่เร่งรีบ ข้าวเหนียวหมูปิ้งจึงตอบโจทย์และครองแชมป์อาหารเช้าแบบเร่งด่วนได้ดีที่สุดครับ

พัฒนาการของข้าวเหนียวหมูปิ้งเสียบไม้
ทุกวันนี้ก้าวไกลไปมากครับ สูตรต่างๆได้เกิดขึ้นมากมาย เช่น หมูปิ้งนมสด หมูปิ้งพริกไทยดำ หมูปิ้งสมุนไพร และอีกมากมายที่เราเห็นตามท้องถนน การทำหมูปิ้งเป็นศิลปะอย่างหนึ่งซึ่งไม่ได้เอาแค่เนื้อหมูมาหั่นบางๆแล้วเสียบไม้ขายแบบลวกๆ คุณภาพและความแตกต่างคือจุดแข็งของการขายครับ ยิ่งผู้ขายสร้างความแตกต่างมากเท่าไหร่ ผู้บริโภคก็ต้องอยากลิ้มลองเป็นเรื่องธรรมดา อีกทั้งเป็นการสร้างมูลค่าเพิ่มให้กับหมูปิ้งที่ทำขายอีกด้วย

ลองนึกภาพตามครับ มีร้านข้าวเหนียวหมูปิ้งอยู่ 2 ร้านอยู่ติดกัน รสชาติเหมือนกัน ราคาเท่ากัน
ร้านแรก ธรรมดามากๆไม่มีป้ายไม่มีอะไรเลย ขายไปวันๆ
ร้านที่สอง เจ้าของยิ้มแย้มแจ่มใส่ ติดป้ายร้าน สร้าง story และเรื่องราวให้หมูปิ้ง เช่น หมูปิ้งเจ้าเก่าจากลุ่มน้ำเจ้าพระยา อร่อย สะอาด ราคากันเอง
ขอถามคุณผู้อ่านว่าร้านข้าวเหนียวหมูปิ้ง 2 ร้านนี้ ร้านไหนน่าเข้าไปอุดหนุนครับ

วิธีการขายหมูปิ้งให้ได้กำไร รวมถึง สูตรการทำหมูปิ้ง
จริงแล้วสูตรการทำหมูปิ้งก็ไม่ได้มีอะไรมากมายครับ อยู่ที่การพลิกแพลงนิดๆหน่อยๆ สิ่งสำคัญอีกอย่างก็คือการเลือกวัตถุดิบหรือการเลือกใช้ส่วนไหนของตัวหมู โดยส่วนใหญ่ผู้ขายมักจะเลือกส่วนที่เรียกว่า สันคอหมู หรืออาจจะเลือก สันขาหลัง และติดมันเล็กน้อย  การเลือกส่วนจึงเป็นสิ่งสำคัญมากๆครับ เพราะรสชาติย่อมแตกต่างกัน

เมื่อได้เลือกสรรวัตถุดิบที่ดีที่สุดแล้ว ขั้นตอนต่อไปก็คือสูตรที่ใช้ในการหมัก
สูตรและส่วนผสมทั่วๆไปที่ใช้ในการหมักหมูปิ้ง ก็มีดังนี้ น้ำตาลทราย เกลือป่น ซอส ซีอิ้วดำ น้ำมันหอย พริกไทย รากผักชี เครื่องเทศ น้ำมันพืช นมสด หรือ นมข้มจืด อื่นๆ นำมาผสมแล้วหมักให้เข้ากัน ส่วนใครอยากจะเพิ่มเติมอะไรลงไปก็แล้แต่สูตรของแต่ละคน เช่น สมุนไพร เป็นต้น

คราวนี้ มาพูดถึงข้าวเหนียวกันบ้างครับ ข้าวเหนียวถือเป็นองค์ประกอบสำคัญเลยทีเดียว อย่าคิดว่าไม่สำคัญนะ เพราะหมูปิ้งร้อนๆ แน่นอนว่าก็ต้องคู่ควรกับข้าวเหนียวร้อนๆนุ่มๆด้วยเช่นกัน คงไม่มีลูกค้าคนไหนชอบกินข้าวเหนียว แข็งๆ เย็นๆ เชื่อผมเถอะ

การตั้งราคาหมูปิ้ง 
การตั้งราคาต้องให้สมเหตุสมผลครับ หักลบกลบต้นทุนทุกอย่างแล้วก็ควรให้พออยู่ได้ก่อนในช่วงแรกๆ พอติดตลาดแล้วลูกค้าถูกใจแล้วบอกต่อ ต่อไปก็ขายไม่ทันเองแหละครับ ขอให้จำหลักง่ายๆว่า ลูกค้าชอบ ประหยัด สะอาด อร่อย และมีคุณภาพ อย่าลืมว่าคนไทยชอบของถูกและดีมีประโยชน์ครับ (แม้แต่ตัวนายอาชีพเอง ก็ชอบครับ ของถูกและดี อิอิ)

ทำเลที่ตั้งในการขายหมูปิ้งก็สำคัญนะ
การตั้งร้าน ควรหาที่ตั้งที่มีคนพลุกพล่าน หรือมีผู้คนพอสมควร เช่น แถวๆ โรงเรียน บริษัท โรงงาน คิวรถ หมู่บ้าน ปั้มน้ำมัน ตลาดสด  ทำเลทองที่กล่าวมานี้ จะช่วยทำให้ธุรกิจร้านข้าวเหนียวหมูปิ้งของท่านนั้นไปได้ดีและขายหมดในพริบตา เพราะควันและกลิ่นของหมูปิ้งจะเป็นตัวเชิญชวนลูกค้าให้แวะเวียนมาเอง ไม่ต้องไปจ้างโฆษณาที่ไหนครับ

ช่วงเวลาในการขายหมูปิ้ง
นายอาชีพแนะนำให้ขายในช่วงเช้า หรือช่วงเย็นนะครับ หรือถ้าขายดีจริงๆก็เหมาสองรอบเลยก็ไม่ว่า ไม่แนะนำให้ขายในช่วงกลางวันนะครับ เพราะช่วงกลางวันคนส่วนใหญ่มักจะเลือกรับประทานกันครับ น้อยมากที่จะมีข้าวเหนียวหมูปิ้งเป็นตัวเลือกของอาหารกลางวันครับ

สรุปอาชีพเสริมการทำหมูปิ้ง
ธุรกิจการทำข้าวเหนียวหมูปิ้งยังเป็นอาชีพเสริมที่ทำเงินที่อยู่คู่กับคนไทยมาช้านานครับ สำหรับผู้ที่ต้องการทำเป็นอาชีพอิสระก็ควรที่จะศึกษาสูตรต่างๆและนำมาประยุกต์หรือดัดแปลงให้แตกต่างครับ และการคัดสรรวัตถุดิบที่ดีมีคุณภาพก็เป็นสิ่งที่ไม่ควรละเลย ที่สำคัญก็เรื่องของทำเลครับ นายอาชีพรับรองว่าธุรกิจร้านข้าวเหนียวหมูปิ้งจะสร้างรายได้และทำกำไรให้กับท่านได้เป็นอย่างดีเลยทีเดียวครับ

ผู้เขียน: นายอาชีพ

สร้างสติ๊กเกอร์ (Line)เพื่อขาย อาชีพเสริมทำเงินที่มาแรง

วิธีทำสติ๊กเกอร์ไลน์ขาย
ช่องทางทำเงินในวันนี้นายอาชีพมีข่าวดีสำหรับผู้ต้องการหารายได้เสริมมาให้ได้เฮกันครับ
เมื่อ Line (ไลน์) แอพพลิเคชั่นสุดฮอตที่มีผู้ใช้กันทั่วโลก ได้เปิดโอกาสให้ผู้ที่สนใจได้สร้างสติ๊กเกอร์และส่งผลงานของตัวเองมาวางขายใน Shop ของไลน์

โดยทางไลน์ไม่ได้คิดค่าธรรมเนียมในการมาวางขายแต่อย่างใด จากเมื่อก่อนถ้าต้องการส่งสติ๊กเกอร์มาขาย จะต้องใช้เงินถึง 6-7หลักเลยทีเดียว แต่วันนี้มีเพียงเงื่อนไขว่า ทางไลน์จะเป็นผู้กำหนดราคาสติ๊กเกอร์ไว้ที่ประมาณ 100 เยน หรือประมาณ 30 บาท และเมื่อมีการดาวน์โหลดหรือมีการซื้อขายเกิดขึ้น ทางไลน์จะหักส่วนแบ่ง 50เปอร์เซ็น

สำหรับผู้ที่สนใจหาอาชีพเสริม ข่าวที่ไลน์ประกาศออกมาในครั้งนี้ ถือเป็นธุรกิจที่จะทำเงินให้กับนักสร้างสรรค์อย่างมากทีเดียวครับ เนื่องจากผู้คนที่ใช้แอพพลิเคชั่นไลน์ในขณะนี้ มีผู้ใช้งานหลายล้านคนจากทั่วโลกและมีแนวโน้มว่าจะเพิ่มขึ้นอีกเรื่อยๆ ลองคิดดูนะครับถ้าสติ๊กเกอร์ที่คุณสร้างเกิดติดตาและต้องใจสาวกไลน์เข้า แน่นอนยอดดาวน์โหลดก็จะตามมาอย่างต่อเนื่อง ลองสมมุติดูว่า มีคนหนึ่งแสนคนในประเทศไทยเข้ามาดาวน์โหลด โดยไม่ต้องถึงกับมีผู้คนจากทั่วโลกมาดาวน์โหลดหรอก ขอแค่หนึ่งแสนคนเท่านั้น ผมรับรองว่าเงินล้านอยู่ไม่ไกลเพื่อนๆอย่างแน่นอนครับ

งานนี้จึงถือว่าเป็นข่าวดีจริงๆครับ นายอาชีพเลยอยากแนะนำให้เพื่อนๆศึกษารายละเอียดดูครับ ที่ Line Creators Market โดยทางไลน์ได้ให้รายละเอียดต่างๆรวมถึงบอกวิธีการสร้างสติ๊กเกอร์และวางขายครับ
การสร้างสติ๊กเกอร์เพื่อขายในไลน์ ถือว่าเป็นอีกหนึ่งช่องทางของอาชีพครับ ไม่แน่นะครับจากอาชีพเสริมที่ทำเล่นๆ อาจจะกลายเป็นอาชีพที่ทำเงินให้กับเราอย่างมหาศาลโดยที่เราไม่รู้ตัวเลยก็ได้

ผู้เรียบเรียง: นายอาชีพ

สร้างแอพพลิเคชั่นบนมือถือขาย ธุรกิจทำเงินที่สร้างรายได้อย่างไม่น่าเชื่อ

รวยด้วยการสร้างแอปพิเคชั่นขาย
ในช่วงที่ผ่านมามีกระแสข่าวที่พูดถึง ชายชาวเวียดนามคนหนึ่ง ที่สามารถสร้างรายได้ ถึงวันละ 50,000 ดอลลาร์ จากแอพพลิเคชั่น(เกมส์) ด้วยยอดดาวน์โหลดที่มากกว่า 50 ล้านครั้ง ทำให้เขากลายเป็นคนที่ร่ำรวยคนนึงเพียงชั่วข้ามคืน โดยรายได้ที่ว่านั้นมาจากโฆษณาออนไลน์ที่ปรากฎบนแอปพลิเคชั่นของเขา จะเห็นได้ว่าทุกวันนี้ช่องทางทำเงินกับเทคโนโลยีกำลังเป็นที่นิยมเลยทีเดียว หลายๆคนเริ่มหาความรู้เพื่อที่จะสร้างแอพพลิเคชั่นเพื่อหวังว่าจะเป็นนวัตกรรมเพื่อดึงดูดผู้คนให้เข้ามาดาวน์โหลด ยิ่งมียอดดาวน์โหลดมากเพียงใด นั่นก็เท่ากับว่าผู้สร้างแอพก็จะมีรายได้เข้ากระเป๋ามากเท่านั้น ช่องทางการขายแอพพลิเคชั่นหลักๆผู้สร้างก็จะนำไปขายหรือปล่อยให้ดาวน์โหลดฟรีที่ Play Store และ APP Store ดังนั้นตลาดแอพพลิเคชั่นบนมือถือ นายอาชีพมองว่ายังไปได้อีกไกลเพราะจะมีผู้ใช้ระบบ Android และ IOS เพิ่มขึ้นทุกๆวันอย่างต่อเนื่อง

แนวทางการสร้างแอปพลิเคชั่นเพื่อสร้างรายได้
โดยพื้นฐานการสร้างแอปหลักๆผู้สร้างต้องมีสิ่งเหล่านี้
- ต้องมีความรู้
- ต้องมีแรงบันดาลใจ
- ต้องมีความมุ่งมั่นที่จะเรียนรู้สิ่งใหม่ๆ
- ต้องสร้างสิ่งที่ตอบสนองต่อความต้องการของชีวิตประจำวันของผู้คนให้ได้
- ต้องเอาความต้องการของผู้ใช้ประโยชน์เป็นที่ตั้ง เช่น อำนวยความสะดวก หรือ ความบันเทิง

ช่องทางการอบรมและเรียนการสร้างแอปพลิเคชั่นบนมือถือ
สำหรับผู้ไม่มีความรู้พื้นฐานมาก่อน ก็ไม่ต้องเป็นห่วงเรื่องนี้ครับ เพราะทุกวันนี้มีคอร์สฝึกอบรม สอนการเขียนแอปในระบบ Android และ IOS ให้กับผู้เริ่มต้น ส่วนผู้ที่มีความรู้ในระดับหนึ่งแล้วนั้น ก็สามารถเลือกเรียนหลักสูตรระดับสูงที่เหมาะกับตนเองเพื่อพัฒนาและต่อยอดให้ดียิ่งขึ้นไปอีกก็ไม่ว่ากันครับ
(หลักสูตรอบรมการเขียน Apps สามารถค้นดูที่ Google)

ตลาดการขายแอปพลิเคชั่นบนมือถือและสมาร์ทโฟน นายอาชีพยืนยันว่าเป็นธุรกิจที่ทำเงินอย่างแน่นอนครับเพราะการแข่งขันถือว่ายังน้อยอยู่ถ้าเทียบกับสัดส่วนของผู้ใช้งาน สำหรับใครที่กำลังมองหาอาชีพเสริมอยู่ ลองเรียนรู้เรื่องเกี่ยวกับเทคโนโลยีดูบ้างครับ ไม่แน่นะครับสักวันเราอาจจะเป็นคนที่สร้างนวัตกรรมใหม่ๆจนชื่อเสียงโด่งดังโดยไม่รู้ตัวเลยก็ได้ และที่สำคัญ Apps ที่เราสร้างขึ้นมาไว้บน Play Store และ APP Storeนั้น ตราบใดที่ยังมีผู้คนเข้าไปดาวน์โหลดและใช้งานอยู่ทุกวัน Applicationนั้นก็จะเปรียบเสมือนเครื่องจักรที่ทำเงินและสร้างรายได้ให้กับเราอยู่ตลอดเวลาครับ

ผู้เขียน: นายอาชีพ

เพาะถั่วงอกคอนโดเพื่อขาย อาชีพทำเงินของคนที่มีพื้นที่ใช้สอยจำกัด

เพาะถั่วงอกขาย อาชีพเสริมสร้างรายได้ดี
หากถามว่า ผักอะไรเอ่ย? ที่ใช้เวลาในเวลาการเพาะปลูกน้อยที่สุด หลายๆคนคงตอบได้อย่างทันทีเลยว่า"ถั่วงอก" วันนี้เหมียววดีจะมาแนะนำอาชีพเสริมจากการเกษตรแบบง่ายๆที่สร้างรายได้ให้กับเราอย่างไม่น้อยเลยทีเดียว นั่นก็คือ "การเพาะถั่วงอกขาย"

ถั่วงอกเกิดจากการเพาะเมล็ดถั่ว ซึ่งสามารถเพาะได้จากถั่วหลายชนิด แต่เมล็ดถั่วเขียวจะเป็นที่นิยมที่สุด ถั่วงอกถือว่าเป็นผักที่ให้คุณค่าทางอาหารสูงทั้งโปรตีนและเกลือแร่ เวลาที่ใช้ในการเพาะถั่วงอกนั้นก็แสนสั้นใช้เวลาเพียง 3-4 วัน และที่สำคัญถั่วงอกเป็นผักที่ยังมีความต้องการในตลาดสูง เพราะในการปรุงอาหารทั้งไทย จีน อาหารพื้นบ้าน อาหารเจและมังสวิรัต ก็ยังใช้ถั่วงอกเป็นส่วนประกอบหรือเป็นเครื่องเคียง

การเพาะถั่วงอกเพื่อขายนั้น จึงถือว่าเป็นธุรกิจทำเงินที่น่าสนใจและยังคงมาแรงถึงยุคปัจจุบันเลยทีเดียว เหมียววดีจึงอยากแนะนำให้เพื่อนๆได้รู้ถึงวิธีทำเงินจากการเพาะถั่วงอกเพื่อขายไว้เป็นทางเลือกของอาชีพเสริมกันค่ะ


วิธีการเพาะถั่วงอกเพื่อขาย
การเพราะถั่วงอก มีหลากหลายวิธี เช่น เพาะในทราย เพาะในขวดน้ำ หรือเพาะในหม้อดิน และอีกหลายวิธี แต่วันนี้ เหมียววดี มีวิธีการเพาะถั่วงอกเพื่อขาย ที่เหมาะกับผู้ที่มีพื้นที่จำกัด แต่จะได้ปริมาณถั่วงอกที่มาก ด้วยวิธีการง่ายๆเหมาะผู้เริ่มต้นกับการเกษตรเชิงสร้างสรรค์ นั่นก็คือ "การเพาะถั่วงอกคอนโด" เราไปดูกันเลยค่ะว่ามีอุปกรณ์อะไรและมีวิธีการเพาะถั่วงอกคอนโดอย่างไร

อุปกรณ์ที่ใช้สำหรับการเพาะถั่วงอกคอนโด
1. ถังขนาด 30 ลิตร มีฝาปิดและทึบแสง นำมาเจาะรูที่ก้นถังให้ทั่วเพื่อระบายน้ำที่รดถั่วงอก
2. ผ้ากระสอบ ตัดเป็นวงกลมเท่ากับขนาดก้นถัง จำนวน 7 ผืน
3. ตะแกรงปิ้งปลา ให้นำมาดัดขาให้สูง 1 นิ้ว จะใช้วางที่ก้นถัง เพื่อให้ถั่วงอกคอนโดชั้นแรกหยั่งรากได้
4. ตะแกรงไนล่อน หรือตาข่ายพลาสติก ต้องมีรูเล็กกว่าเมล็ดถั่ว นำมาตัดเป็นวงกลมให้เท่ากับขนาดก้นถัง จำนวน 5 ใบ
5. เมล็ดถั่วเขียว ครึ่งกิโลกรัม นำมาคัดเมล็ดลีบเสียทิ้งไป แล้วแช่เมล็ดถั่วในน้ำอุ่น อัตราส่วน น้ำร้อน:น้ำเย็น 1:1 นาน 4 ชั่วโมง ถ้าแช่ในน้ำธรรมดา นาน 8 ชั่วโมง เมื่อครบชั่วโมงให้นำมาล้างน้ำสะอาดอีกครั้ง จากนั้นไปเริ่มวิธีการเพาะถั่วงอกคอนโดกันเลยค่ะ

ขั้นตอนการเพราะถั่วงอกคอนโด
ก่อนอื่นเราต้องลวกอุปกรณ์ทั้งหมดเพื่อเป็นการฆ่าเชื้อโรคก่อนนะคะ จากนั้นก็เริ่มขั้นตอนการเพาะถั่วงอกคอนโดได้เลยค่ะ
1. วางตะแกรงปิ้งปลาลงที่ก้นถัง แล้ววางทับด้วยผ้ากระสอบ 1 ผืน วางตะแกรงไนล่อน 1 ใบ ทับบนผ้ากระสอบ
2. วางเมล็ดถั่วส่วนลงบนตะแกรงไนล่อน เกลี่ยให้ทั่วตะแกรง เทคนิคคืออย่าวางเมล็ดถั่วซ้อนกัน ถั่วงอกจะได้งอกสมบูรณ์และอวบน่ารับประทาน
3. ทำเช่นเดียวกันจนครบทั้ง 5 ชั้น ปิดทับถั่วเขียวชั้นบนสุดด้วยผ้ากระสอบ 2 ผืน ใช้ฝักบัวรดน้ำให้ชุ่ม แล้วปิดฝาถัง
4. ใช้ฝักบัวรดน้ำทุก 4-6 ชั่วโมง แต่ละครั้งให้สังเกตน้ำที่ระบายออกมาจากรูก้นถัง หากยังมีอุณหภูมิสูง ให้รดน้ำต่อไปจนกระทั่งน้ำมีอุณหภูมิปกติ ทำเช่นนี้ 2 คืน 3 วัน
5. เมื่อครบ 3 วัน ให้เตรียมกะละมังใส่น้ำ ยกแผงของถั่วงอกออกมาจากถัง แล้วจะเห็นว่าต้นถั่วงอกจะอยู่ด้านบนของตะแกรงไนล่อนค่ะ ส่วนรากถั่วงอกจะทะลุผ่านผ้ากระสอบ ให้ใช้มีดปาดที่โคนต้นถั่วงอกด้านที่ติดกับตะแกรงไนล่อนลงสู่กะละมัง ล้างถั่วงอกที่ตัดรากแล้วให้สะอาด ถั่วงอกก็พร้อมที่จะนำไปบรรจุถุงเพื่อเตรียมจำหน่ายต่อไป เป็นอันเสร็จขึ้นตอนการเพาะถั่วงอกคอนโดแล้วค่ะ

ช่องทางการขาย
ช่องทางทำเงินจากการขายถั่วงอกคอนโดนั้น มีทั้งในตลาดขนาดเล็ก เช่น ตลาดในหมู่บ้าน ในชุมชน หรือถ้าทำเป็นธุรกิจหลัก ก็สามารถติดต่อกับตลาดค้าส่งผักได้อีกด้วย ถั่วงอกคอนโดยังสามารถทำกลยุทธ์ทางการตลาดได้ ด้วยการบรรจุหีบห่อที่สวยงาม แล้วพิมพ์ข้างถุงได้เลยค่ะว่าเป็นถั่วงอกคอนโดปลอดสารเคมี อุปกรณ์ที่เราใช้ในการเพาะถั่วงอกครั้งแรกทั้งหมดก็สามารถใช้ซ้ำและมีอายุยาวนาน ทั้งนี้ขึ้นอยู่กับการใช้งานและการเก็บรักษา จึงถือว่าประหยัดต้นทุนมากค่ะ

สรุป
การเพาะถั่วงอกคอนโดนั้น ยังแสดงให้เห็นถึงความรับผิดชอบต่อผู้บริโภคด้วยค่ะ เพราะไม่ได้ใช้สารเคมีใดๆในการเพาะปลูกเลย สบายใจทั้งผู้ผลิตและผู้รับประทาน การลงทุนก็เป็นการลงทุนเพียงครั้งเดียว ซื้ออุปกรณ์ในช่วงเริ่มแรก จากนั้นก็สามารถใช้อุปกรณ์เดิมในการเพาะถั่วงอกได้ในครั้งต่อๆไป ทำให้ประหยัดต้นทุนได้มากเลยค่ะ หรือจะเพราะถั่วงอกเพื่อกินเองในครอบครัว ก็ยิ่งทำให้ประหยัดค่าใช้จ่าย มีเงินเหลือเก็บเหลือออมไว้ลงทุนด้านอื่นๆ ยังไงเพื่อนๆก็ลองพิจารณาการเพาะถั่วงอกคอนโดเพื่อขายเผื่อไว้เป็นอีกหนึ่งทางเลือกของอาชีพเสริมกันดูนะคะ


ผู้เขียน: เหมียววดี

วิธีหารายได้เสริม กับแนวทางการขายบทความทางอินเตอร์เน็ต (ภาค 2)

วิธีหาเงินจากการเขียนบทความขาย
จากบทความที่แล้วเรื่อง วิธีหารายได้เสริมจากการเขียนบทความขายบนบนอินเตอร์เน็ต ผู้อ่านคงได้รู้ถึงวิธีการเขียนบทความและการวางโครงสร้างรวมไปถึงแนวทางในการเขียนบทความแต่ละประเภทกันแล้วใช่ไหมครับ เนื้อหาภาคนี้ จึงเป็นภาคต่อว่าด้วยเรื่องช่องทางการเปลี่ยนงานเขียนของเราให้เป็นรายได้และผลักดันผลงานของเราให้เป็นธุรกิจทำเงินที่ยั่งยืนครับ

2 ขั้นตอนการหารายได้เสริมจากการเขียนบทความ

1. สร้างผลงานออกมาจากสิ่งที่ชอบและถนัด ขั้นตอนนี้เป็นขั้นตอนเริ่มต้นของนักขียนมือใหม่ทุกคน เพราะการเขียนบทความจากความชอบ ความหลงไหล ความถนัด จะเป็นงานที่ออกมาอย่างธรรมชาติและสมบูรณ์ที่สุดโดยถูกกลั่นกรองและตกผลึกจากประสบการณ์ของตัวผู้เขียนโดยตรง ขั้นตอนนี้ควรหมั่นฝึกเขียนทุกวันให้เกิดความชำนาญในการเขียนและการใช้ภาษา อย่างที่บอกไปครับ การเขียนบทความควรเขียนด้วยความรักและความถนัด โดยความถนัดของแต่ละบุคคลก็ไม่เหมือนกัน บางคนอาจจะมีความรู้ในเชิงลึกในเรื่องต่างๆ เช่น

- การลงทุนในหลักตลาดทรัพย์ 
- วิธีการค้าการขาย 
- การเกษตร 
- ยานยนต์/พาหนะ 
- การใช้ภาษาต่างประเทศ 
- วิชาการ ความรู้

เมื่องานเขียนที่ถูกสร้างออกมาอย่างสดใหม่ตามโครงสร้างอย่างถูกต้อง ก็ถึงวิธีการปล่อยของครับ

2. หาช่องทางในการสร้างรายได้จากการขายบทความ ขั้นตอนนี้เป็นขั้นตอนที่นายอาชีพเรียกว่าการปล่อยของครับ ถึงขั้นนี้นักเขียนอิสระอย่างเราๆเริ่มมีทักษะและความชำนาญทางด้านการเขียนพอสมควร คราวนี้ก็ได้เวลาหารายได้จากผลงานที่สร้างมากับมือเสียทีครับ

ช่องทางในการหารายได้จากการเขียนบทความ หลักๆที่เป็นที่นิยม มี 2 ช่องทาง มีดังนี้ครับ

- การรับจ้างเขียนบทความ - 
โดยหลังจากเราทำการโปรโมทหรือประกาศตัวเองตามเว็บไซต์ต่างๆให้โลกได้รับว่าเรารับจ้างเขียนบทความ จากนั้นไม่นานก็จะมีลูกค้าติดต่อเราครับ ลูกค้าโดยส่วนใหญ่จะมีอาชีพเป็นเว็บมาสเตอร์ที่ดูแลเว็บไซต์ต่างๆที่ไม่มีเวลาอัพเดตข้อมูลในเว็บไซต์ของตนเอง ลองคิดดูนะครับว่าในประเทศไทยและต่างประเทศมีเว็บไซต์อยู่เป็นล้านๆเว็บไซต์ อนาคตในการหารรายได้เสริมในวงการนี้ยังอีกยาวไกลครับ ซึ่งถ้าเราเขียนงานได้ดีและส่งงานเร็ว ลูกค้ามักชื่นชมและบอกกันปากต่อปาก เมื่อลูกค้าเหนียวแน่น การเขียนบทความก็กลายเป็นธุรกิจที่ทำเงินครับ

ราคาในการซื้อขายบทความ
บทความภาษาไทย ก็อยู่ในเรท 400 - 500 คำ อยู่ที่ราคา 50-60 บาท โดยส่วนใหญ่ผู้เขียนมักจะรับงานเขียนบทความขั้นต่ำประมาณ 5 บทความต่อลูกค้าหนึ่งคน

บทความภาษาอังกฤษ ก็จะแพงหน่อยครับ อยู่ในเรท 400 - 500 คำ ราคาประมาณ 300 - 450 บาท นับว่าเป็นรายได้ที่ไม่เลวเลยทีเดียว

กฏเหล็กอย่างหนึ่งที่ผู้เขียนควรตระหนักไว้ คืออย่ารับงานจนเกินตัว เพราะถ้าผู้เขียนส่งงานให้ลูกค้าไม่ทัน เราจะเสียลูกค้าและผลเสียจะตามมาอย่างร้ายแรง สำหรับผมมันคือ ความเสียหายทางด้านธุรกิจที่ประเมินค่ามิได้ครับ

- การรวมบทความทั้งหมดเป็นเล่มเดียวแล้วทำเป็น E-Book -
รายได้จากช่องทางนี้จะเป็นในลักษณะที่นักเขียนอิสระ เขียนผลงานออกมาเป็นหลายๆบทและนำมารวมเป็นเล่มเดียว ลักษณะบทความใน E-Book (หนังสืออิเล็กทรอนิกส์) ส่วนใหญ่จะเป็นบทความที่มีประโยน์เฉพาะทาง สาเหตุผู้ที่ลงทุนยอมซื้อ E-Book ของเราไป ผู้ซื้อมักจะสามารถนำความรู้จาก E-Book ไปใช้ประโยน์ได้ในเรื่องใดเรื่องหนึ่งครับ ส่วนขั้นตอนและวิธีการซื้อขายอีบุ๊ค ก็เป็นดังนี้ครับ ลูกค้าที่ต้องการจะซื้อหนังสืออิเล็กทรอนิกส์ (E-Book) จะโอนเงินเข้าไปในบัญชีธนาคารของนักเขียนหรือจ่ายผ่านบัตรเครดิต หรือ Paypal  หลังจากนั้นผู้ซื้อจึงจะได้สิทธิ์ เข้าไปดาวน์โหลด E-Book เป็นของตนเอง ราคาในการซื้อขายอีบุ๊คนั้นไม่แน่นอน ขึ้นอยู่กับเนื้อหาสาระว่ามีประโยชน์มากน้อยแค่ไหนรวมไปถึงความยากง่ายในการเขียน ราคาอาจจะเริ่มต้น ตั้งแต่ หลักร้อยจนถึงหลักพันต่อการดาวน์โหลดเพียงครั้งเดียว  ในประเทศสหรัฐอเมริกานักเขียนส่วนใหญ่ นิยมขาย E-Book กันมาก เพราะการขายอีบุ๊ค สามารถสร้างรายได้อย่างเป็นกอบเป็นกำ นักเขียนออนไลน์หลายๆคนมีรายได้หลักแสนหรือหลักล้านบาทจากยอดการดาวน์โหลด E-Book ในแต่ละเดือนเลยทีเดียว ลองคิดดูครับ ในระหว่างที่นักเขียนออนไลน์เดินทางท่องเที่ยวหรือแม้แต่นอนหลับพักผ่อน ก็ยังมีผู้คนเข้าไปดาวน์โหลดอีบุ๊คของเราอยู่เรื่อยๆ ก็เท่ากับว่ามีเงินไหลเข้ามาอยู่ตลอดเวลา การขาย E-Book จึงถือเป็นธุรกิจทำเงินที่สามารถเรียกว่าเป็น Passive income เลยก็ว่าได้

ถึงตอนนี้เพื่อนๆคงพอจะมองเห็นภาพรวม ในการหารายได้เสริมจากการเขียนบทความแล้วใช่ไหมครับ ว่าแนวทางและขั้นตอนในการเริ่มต้นการเป็นนักเขียนไม่ได้ยากอย่างที่คิดเลย ขอแค่ให้เราฝึกฝนและลงมือทำอย่างสม่ำเสมอ เมื่อเกิดทักษะและความชำนาญ การหารายได้เสริมที่ทำเงินก็ไม่ใช่เรื่องยากอีกต่อไป งานเขียนสามารถทำที่ไหนก็ได้ครับ จะทำที่บ้าน ท่องเที่ยวไปเขียนไปก็ไม่มีใครว่า ไม่ต้องกลัวโดนเจ้านายด่า ไม่ต้องทนรถติด  เพราะเราเป็นนายตัวเองครับ แล้วพบกันใหม่ครับ กับนายอาชีพ ใน Blog ช่องทางทำเงิน อาชีพเสริมทำเงิน  วันนี้เขียนมาซะยาวเลย ต้องขอตัวพักผ่อนก่อน ขอให้ร่ำรวยเงินทองกับธุรกิจที่ทำเงินนะครับ พี่น้องชาวไทย

บทความที่เกี่ยวข้อง
"วิธีหารายได้เสริม จากการเขียนบทความขายบนอินเตอร์เน็ต (ภาค 1)"

ผู้เขียน: นายอาชีพ
photo by 401(K) 2012 on flickr

วิธีหารายได้เสริม จากการเขียนบทความขายบนอินเตอร์เน็ต (ภาค 1)

อาชีพอิสระ เขียนบทความขาย
สวัสดีครับเพื่อนๆ พบกันอีกครั้งกับนายอาชีพที่ Blog ช่องทางทำเงิน อาชีพเสริมทำเงิน วันนี้นายอาชีพจะมาแนะนำช่องทางทำเงินอีกหนึ่งช่องทาง เรื่องที่จะแนะนำในวันนี้คือ การเขียนบทความเพื่อนำมาขายหรือหารายได้ในอินเตอร์เน็ตกันครับ บทความนี้น่าจะถูกใจนักเขียนอิสระหรือนักเขียนออนไลน์ที่ชอบสร้างเนื้อหาหรือเรื่องสั้นเป็นงานอดิเรกแต่ยังไม่รู้วิธีการปล่อยของหรือวิธีการขายผลงานของตัวเอง

สำหรับมือใหม่หัดเขียนอาจจะมองเป็นเรื่องยากสักหน่อยกับการเริ่มต้นเขียนบทความ และแน่นอนว่าต้องมีคำถามผุดขึ้นมากมายในหัวสมอง เช่น เขียนเรื่องอะไรดี? เขียนไปจะมีใครอ่านไหม? รายได้มาจากไหน? เขียนเสร็จแล้วจะขายได้ที่ไหน? อยากเขียนแต่ไม่มีเวลาทำไงดี? การคิดในเชิงลบแบบนี้จะส่งผลให้งานของเราไม่เกิดขึ้นสักทีนะครับ ดังนั้นถ้ามีใจรักในการเขียน ควรเริ่มต้นและลงมือทำในทันที เปรียบเหมือนกับการเริ่มหัดปั่นจักรยาน ในครั้งแรกอาจจะมีสะดุด แต่พอเป็นแล้วก็ลื่นไหลไม่มีวันลืม บทความในวันนี้นายอาชีพจึงแนะนำประเด็นหลักๆ ถึงวิธีการเขียนบทความ และวิธีหารายได้จากขายบทความของเราครับ

ก่อนอื่นนักเขียนออนไลน์มือใหม่ต้องรู้ก่อนนะครับว่า โครงสร้างในการเขียนบทความเป็นอย่างไร และบทความถูกแบ่งออกเป็นกี่ประเภทและประเภทไหนเป็นแนวทางที่เหมาะกับตัวเรา

วิธีการวางโครงสร้างในการเขียนบทความ 
เหตุผลที่ต้องวางโครงสร้างก็เพื่อเป็นกรอบและแนวทางจะได้ไม่หลงทาง นักเขียนทุกคนจงจำให้ดี
1. ชื่อเรื่อง
2. เกริ่นนำ หรือ คำนำ
3. เนื้อเรื่อง
4. สรุปส่งท้ายบทความ

บทความแบ่งออกเป็นทั้งหมด 4 ประเภท
นักเขียนมือใหม่ต้องรู้และหาแนวทางตามความชอบและความถนัดของตนเองว่าจะเขียนแนวไหน
1. บทความประเภทแนะนำ หรือ ประเภท How to  เช่น บทความที่สอนถึงวิธีการหารายได้เสริม วิธีการปลูกพืชไร้ดิน วิธีลงทุนในหุ้น วิธีการพูดภาษาอังกฤษ อื่นๆ
2. บทความที่แสดงออกทางด้านความคิดเห็น เช่น บทความการรีวิวการใช้สินค้าต่างๆ อาทิ โทรศัพท์มือถือ คอมพิวเตอร์ Tablet กล้องถ่ายรูป เครื่องใช้ไฟฟ้า รถยนต์ มอเตอร์ไซต์  อื่นๆ
3. บทความเชิงวิชาการที่ให้ความรู้ เช่น บทความทางด้านการศึกษา บทความทางการแพทย์ บทความทางด้านกฏหมาย อื่นๆ
4. บทความแนววิเคราะห์ เช่น บทความการวิเคราะห์การเงิน/หุ้น วิเคราะห์การเศรษรฐกิจ วิเคราะห์สังคม วิเคราะห์การเมือง อื่นๆ

อ่านถึงตรงนี้ เพื่อนๆคงได้รู้แล้วนะครับว่า โครงสร้างของบทความเป็นอย่างไร เริ่มต้นและจบลงแบบไหน และได้รู้ว่าบทความมีกี่ประเภท สิ่งที่นายอาชีพ อยากจะให้เพื่อนๆทำตอนนี้ก็คือ ให้เพื่อนๆเลือกว่าตนเองเหมาะกับการเขียนบทความรูปแบบใด เพราะความถนัดและประสบการณ์ของแต่ละบุคคลย่อมไม่เหมือนกัน การสร้างรายได้จากการเขียนบทความจึงต้องเริ่มต้นจากความถนัดและใจรักก่อนครับ

อ่านต่อ
"วิธีหารายได้เสริม กับแนวทางการขายบทความ บนอินเตอร์เน็ต (ภาค 2)

ผู้เขียน: นายอาชีพ
Photo by Charles J Danoff on flickr

"วิธีหารายได้เสริม จากการขายภาพถ่ายบนโลกออนไลน์"

สร้างรายได้จากการถ่ายภาพ
ช่องทางทำเงิน อาชีพเสริมทำเงิน และผมนายอาชีพ วันนี้จะมาบอกเล่าถึงวิธีการหารายได้เสริมเพื่อเพิ่มรายได้ให้กับเพื่อนๆกันนะครับ สำหรับช่องทางทำเงินในวันนี้ นายอาชีพก็จะมาพูดถึงวิธีการหารายได้จากอินเตอร์เน็ต โดยวิธีนี้จะเป็นการหาเงินจากการขายภาพถ่ายออนไลน์ หรือการขายภาพถ่ายที่เราถ่ายเก็บไว้แล้วนำไปขายบนโลกอินเตอร์เน็ตนั่นเอง

งานนี้เหมาะกับเพื่อนๆที่ชอบถ่ายภาพนะครับ ใครที่ไม่ชอบถ่ายภาพก็สามารถอ่านบทความนี้ได้เช่นกันครับ ถือซะว่าเป็นแนวคิดหรือเป็นทางเลือกอีกหนึ่งช่องทางในการหาเงินผ่านอินเตอร์เน็ตก็แล้วกัน มาดูกันครับว่าวิธีการขายรูปภาพออนไลน์ ขายแล้วได้เงินจริงไหม มีรายได้มาจากไหน และถ้าอยากหารายได้เสริมแบบนี้ต้องทำอย่างไร ไปพบกับคำตอบพร้อมกันเลยครับ

ก่อนอื่นผมจะขออนุญาตอธิบายแบบให้เห็นภาพกว้างๆและเข้าใจง่ายที่สุดนะครับ เพื่อที่มือใหม่ที่สนใจช่องทางการทำเงินโดยวิธีนี้จะได้มองเห็นภาพได้ครับ ส่วนใครพอรู้วิธีการหาเงินโดยการขายภาพอยู่แล้ว ก็อ่านผ่านๆก็ได้ครับ

ขั้นตอนในการขายภาพบนโลกออนไลน์

1. มีรูปภาพที่เป็นของตัวเอง ย้ำว่าเป็นรูปที่คุณถ่ายเอง คุณอาจจะถ่ายภาพอะไรก็ได้ครับ เช่น วิวทิวทัศน์ รูปคน สัตว์ สิ่งของ ถ่ายออกมาให้ชัดเจน ที่สำคัญองค์ประกอบของภาพต้องไม่ขาดและไม่เกิน

2. เข้าไปสมัครสมาชิกเว็บไซต์ประเภท Microstock (ไมโครสต๊อก) เว็บไซต์ประเภทไมโครสต๊อก คือเว็บไซต์ที่ให้บริการและเป็นตัวกลางในรับซื้อขายภาพโดยผ่านช่องทางอินเตอร์เน็ตครับ เหมือนกับร้านขายของ เรานำของไปฝากขาย และก็มีผู้ซื้อมารับซื้อจากร้าน เพียงแต่สินค้าชนิดนี้ก็คือภาพถ่ายนั่นเอง

เว็บไซต์ประเภทไมโครสต๊อกที่เราสามารถไปสมัครได้ก็มีดังนี้ครับ
  • www.dreamtime.com 
  • www.istockphoto.com
  • www.shutterstock.com 
  • และเว็บไซต์ไมโครสต๊อก อื่นๆ
ให้เลือกเองได้ตามใจชอบครับ แต่ส่วนตัวผมขอแนะนำให้สมัครไปที่เว็บ www.dreamtime.com เพราะเห็นหลายๆคนลงความเห็นว่า การส่งรูปไปทดสอบที่ Dreamtime น่าจะผ่านง่ายที่สุดแล้วครับ

3. หลังจากที่เราลงทะเบียนเปิดบัญชีขายภาพเป็นที่เรียบร้อยแล้ว ก็ถึงเวลาที่เราต้องอัพโหลดภาพถ่ายของเราเข้าไปทดสอบคุณสมบัติภาพ โดยภาพที่ใช้อัพโหลดควรเป็นไฟล์ .JPG ที่มีความละเอียดสูงครับ หลังจากนั้นก็รอผลการตรวจสอบครับ เพราะทางไมโครสต๊อกจะต้องตรวจดูก่อนว่าภาพของเราผ่านมาตรฐานเค้าหรือเปล่า

4. สมมุติว่าภาพของเราผ่านการตรวจสอบแล้ว ขั้นตอนต่อไปก็คือให้เราเข้าไปใส่รายละเอียดภาพครับ เหตุผลที่ต้องใส่รายละเอียดภาพก็เพื่อที่ผู้สนใจที่ต้องการซื้อภาพถ่ายของเรา สามารถค้นหารายละเอียดของภาพของเรา และทำการตัดสินใจซื้อครับ

5. รอรับรายได้ ขั้นตอนนี้เป็นขั้นตอนที่หลายๆคนรอคอยครับ เราสามารถเข้าไปเช็ครายได้ของเราได้ตลอดครับ ว่าวันนี้มีคนเข้ามาซื้อภาพมากน้อยแค่ไหน ลืมบอกไปครับ ว่าภาพหนึ่งภาพเราสามารถขายได้หลายครั้งครับและหลายคนครับ ฉะนั้นแล้วถ้าเรายิ่งอัพโหลดภาพเข้าไปมากเท่าไหร่ โอกาสที่เราจะขายภาพก็ยิ่งมีมากขึ้นครับ และรายได้ก็จะตามมาครับ

เพื่อนๆอาจสงสัยใช่ไหมครับ ว่าคนจะซื้อภาพเราไปทำไม แล้วใครคือคนที่จะเข้ามาซื้อ เหตุผลง่ายๆครับ คนซื้อส่วนใหญ่นำภาพที่ซื้อไปทำงานด้านต่างๆครับ เช่น ทำภาพประกอบเว็บไซต์ ทำงานด้านกราฟฟิก ทำงานด้านสื่อสิ่งพิมพ์ แผ่นพับ ใบปลิว โปสเตอร์ต่างๆ เพื่อนๆอาจจะสงสัย อ้าว! จะเข้ามาซื้อทำไมให้เสียเงิน ทำไมไม่ก็อบปี้รูปภาพจากอินเตอร์เน็ต ซึ่งมีให้เลือกตั้งเยอะแยะ สาเหตุที่ผู้ซื้อมาซื้อภาพจากเรา ก็เพราะจะได้ไม่ต้องเป็นห่วงเรื่องลิขสิทธิ์ภาพครับ อย่าลืมนะครับว่าภาพทุกภาพมีเจ้าของ ภาพที่ไปก็อบจากเน็ตแล้วนำไปใช้โดยไม่ขออนุญาต เคยมีกรณีโดนฟ้องเป็นหมื่นเป็นแสนมาแล้วครับ ฉะนั้นเสียเงินซื้อภาพไม่กี่ตังค์ หมดห่วงเรื่องลิขสิทธิ์ ทำงานแบบสบายใจครับ หรือเพื่อนๆอาจจะมีคำถามว่า แล้วทำไมเค้าไม่ถ่ายภาพเองมาซื้อเราทำไม ถามว่าถ้าชาวต่างชาติอยากได้ภาพถ่ายที่เป็นสถานที่ เช่น วัดไทยไปประกอบงาน เค้าต้องบินมาเมืองไทยเพื่อมาถ่ายภาพภาพเดียวเลยหรอครับ ซึ่งมองดูแล้วคงไม่คุ้มแน่ๆ เลือกซื้อภาพในไมโครสต๊อกคงจะดีกว่าเพราะมีภาพสวยๆให้เลือกมากมาย

เป็นยังไงบ้างครับ เพื่อนๆพอจะเห็นภาพกว้างในการเข้ามาหารายได้เสริมโดยวิธีนี้หรือยังครับ รายละเอียดเชิงลึก และวิธีในการสมัคร ถ้าเพื่อนๆสงสัยก็สามารถโพสสอบถามนายอาชีพได้ครับ โดยเข้ามาที่ช่องทาง www.facebook/archeepfree  นายอาชีพยินดีตอบข้อสงสัยครับ และสำหรับเพื่อนๆที่มีความสนใจ และมองว่าการขายภาพถ่ายออนไลน์เป็นช่องทางทำเงินที่สามารถยึดเป็นอาชีพเสริมหรืออาชีพอิสระได้ งานนี้ไม่ต้องห่วงครับว่าเราเดินบนเส้นทางนี้คนเดียว เพราะมีคนไทยหลายคนครับที่ยึดอาชีพนี้เป็นอาชีพเสริม ว่างๆเพื่อนๆลองเข้าไปที่เว็บไซต์ www.stockphotothailand.com /forums/ แล้วจะเห็นชุมชนคนไทยเข้ามาพูดคุยแลกเปลี่ยนเทคนิคการถ่ายภาพและโชว์รายได้จากการขายภาพ  มีคนไทยบางคนครับ มีรายได้หลักล้าน จากการขายภาพถ่ายออนไลน์ ไม่แน่นำครับ อาชีพเสริมตัวนี้อาจจะเป็นอาชีพที่ทำเงินให้คุณแบบไม่คาดคิดเลยทีเดียว

ผู้เขียน: นายอาชีพ
บทความที่เกี่ยวข้อง > ช่องทางทำเงิน หารายได้เสริมบนโลกอินเตอร์เน็ต

Popular